วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีสถานการณ์การเมืองขณะนี้ ที่เสียงสส.ในสภา ของฝ่ายและรัฐบาลมีการปรับเปลี่ยนว่า การเมือง ก็เปลี่ยนไปตามวาระของการเมือง แต่สภามีหน้าที่ในการจัดการประชุมให้เกิดความสงบเรียบร้อย คิดว่า ความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ก็คงเปลี่ยนแปลงในส่วนของรัฐบาล และสภาฯ ก็ต้องดำเนินการไปตามปกติ
ส่วน ‘เสียงปริ่มน้ำ’ จะทำให้การทำงานในสภาฯ ลำบากขึ้นหรือไม่นั้น วันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า สภาฯ เคยผ่านมาหลายยุคหลายสมัย ทั้งที่มีเสียงข้างมากค่อนข้างเด็ดขาด เวลาบริหารก็อาจจะมีปัญหาได้เหมือนกัน และเสียงปริ่มน้ำก็เคยบริหารมาแล้ว ซึ่งก็มีปัญหา แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับฝ่ายบริหาร สภาฯ ไม่เข้าไปก้าวก่ายกับฝ่ายบริหาร สภาฯ ทำหน้าที่ของสภาฯ เพื่อให้การบริหารดำเนินไปได้
ทั้งนี้ ที่มีการวิเคราะห์ว่า อายุรัฐบาลหรือสภาฯ อาจจะสั้น ไม่เกินปีนี้ วันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่เข้ามาบริหารประเทศ ทางสภาฯ ก็บริหาร ไปตามบทบาทหน้าที่ของสภาฯ เท่านั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร อายุของรัฐบาลจะยาวหรือสั้น ก็ขึ้นอยู่กับฝ่ายบริหาร
เมื่อถามว่า จะมีคำแนะนำให้กับนายกรัฐมนตรีในการบริหารประเทศเกี่ยวกับประเด็นปัญหาชายแดนไทยกัมพูชาอย่างไร วันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ฝ่ายนิติบัญญัติ และประธานสภาฯ ไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายเรื่องการบริหารของรัฐบาลได้ เพราะต้องฟังเสียงประชาชน เพื่อที่จะรักษาอธิปไตยของประเทศ คิดว่า ฝ่ายที่ดูแลและเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ รวมทั้งรัฐบาลคงจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้
ทั้งนี้ ปัญหาไทยกัมพูชาจะมีการหยิบยกเข้าหารือในที่ประชุมสภาฯ หรือไม่ วันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ในช่วงปิดสมัยประชุม ยังไม่สามารถที่จะนำมาหารือในสภาฯ ได้ ดังนั้นในช่วงเปิดสมัยประชุม 4 เดือน ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป คิดว่า ประเด็นต่างๆ รวมทั้งปัญหาในประเทศ และปัญหาระหว่างประเทศ คงจะมีสมาชิกทั้งฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาล มาเสนอให้สภาฯ อภิปราย ซึ่งโดยปกติ เราก็ปฏิบัติอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นต้องรอให้เปิดสมัยประชุมสามัญก่อน ส่วนถ้ามีความสำคัญ ถึงขนาดรัฐบาลเห็นว่า ควรจะเปิดประชุมสมัยวิสามัญ นั้นก็แล้วแต่ รับเป็นอำนาจของรัฐบาล
เมื่อถามถึง ตำแหน่ง ‘รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2’ ที่ว่างลงหลัง ภราดร ปริศนานันทกุล ลาออกนั้น วันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ฝ่ายเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจะฟังเสียงจากวิปฝ่ายค้านและรัฐบาลว่า พร้อมกำหนดการเลือกเมื่อใด ซึ่งเรื่องนี้ ต้องเป็นเรื่องของสมาชิกสภาฯ เพราะถ้าไม่พร้อมหรือยังไม่ตกลงใจว่า ฝ่ายใดจะเสนออย่างไร ก็คงจะต้องรอก่อน คิดว่า เมื่อเปิดสมัยประชุม ในวันที่ 3 กรกฎาคม หากมีความพร้อม ก็สามารถเลือกตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ได้แต่หากไม่พร้อมอาจจะเป็นสัปดาห์ที่ 2 เพราะต้องเลือกเร่งด่วน เนื่องจากรองประธานคนที่ 2 จะมาช่วยในการบริหารสภาฯ และเป็นประธานในที่ประชุม
ส่วนจะเป็นโควตาของ ‘พรรคลำดับ 2’ ของฝ่ายรัฐบาลหรือไม่นั้น วันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า เรื่องโควตาเป็นเรื่องภายในวิป แต่ข้อเท็จจริงคือต้องให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นคนเลือก จะมีการเสนอแข่งขันหรือมีเพียงชื่อเดียวก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอน แต่ครั้งที่แล้วมีการเสนอเพียงชื่อเดียว หากมีการเสนอ 2 คนต้องมีการลงคะแนน
วันมูหะมัดนอร์ ยืนยันอีกว่าว่า การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ฝ่ายค้านยังเปิดได้อยู่ ในสมัยการประชุมหน้า ส่วนถ้าจะต้องมีการต้องเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเดิมของพรรคการเมืองที่มียังสามารถใช้ได้อยู่ใช่หรือไม่นั้น ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ยังคงเป็นไปตามรัฐธรรมนูญปี 2560 คือ ต้องเป็นรายชื่อที่เคยเสนอต่อ กกต.แล้ว และยังมีชื่อค้างอยู่หลายคน ซึ่งต้องเอาชื่อนั้นมาเสนอหากมีการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไป เป็นการเลือกเฉพาะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จะไม่มีสมาชิกวุฒิสภามาร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีเหมือนครั้งก่อน เพราะมาตรา 272 ที่ให้ สว. ร่วมเลือกนายกฯ ได้หมดวาระ 5 ปีไปแล้ว
เมื่อถามว่า พรรคพลังประชารัฐที่มีจำนวนสส.ลดลงเหลือไม่ถึง 25 คน ได้อยู่หรือไม่ สามารถใช้บัญชีแคนดิเดตเดิม คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อยู่ได้หรือไม่ วันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ได้ หากมีรายชื่อที่ให้ไว้กับกกต.ก่อนเลือกตั้งอยู่ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็เสนอให้สภาฯ โหวตได้ ส่วนต้องกลับไปถามความสมัครใจของแคนดิเดตแต่ละคนด้วยหรือไม่นั้น พรรคไหนเสนอใครขึ้นมาก็ต้องมีการถามก่อนอยู่แล้วว่า มีความเต็มใจในการเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ก็คงต้องถามเมื่อถามแล้วก็มาเสนอสภาฯ ตามรายชื่อเดิมที่มีอยู่
ส่วนจะเสนอรายชื่อ ‘คนนอก’ บัญชีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ วันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ไม่สามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญปี 60 ก่อนเลือกตั้งเราใช้บัญชีรายชื่อนี้เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจว่าถ้าเลือกพรรคนั้นคนนั้นจะเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นก็ต้องให้ความเคารพ ความคิดเห็นของประชาชน ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง และเมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้วบทบัญญัติข้อนี้ไม่ได้ยกเลิกไป ยังใช้บัญชีเดิม ซึ่งยังมีอยู่หลายคน