‘หมอวรงค์’ ดักคอ! หาก ‘สทร.’ ขี่ม้าขาวเข้ามาแล้วทุกอย่างเคลียร์คือ ‘แหกตาประชาชน’

7 มิ.ย. 2568 - 10:24

  • ‘หมอวรงค์’ ซัดรัฐบาลไทยอ่อนแอ แถลงไม่กล้าเขียนว่าเหตุปะทะเกิดในแผ่นดินไทย

  • ชี้ ‘กัมพูชา’ เคลมพื้นที่เป็นของตน พร้อมปฏิเสธเจรจา JBC

  • เตือนหากคุยไม่รู้เรื่องต้องยกระดับถึงขั้น ‘รบ’ เพื่อปกป้องอธิปไตย

  • ดักคอหาก ‘สทร.’ ขี่ม้าขาวเข้ามาแล้วทุกอย่างเคลียร์คือ ‘แหกตาประชาชน’

‘หมอวรงค์’ ดักคอ! หาก ‘สทร.’ ขี่ม้าขาวเข้ามาแล้วทุกอย่างเคลียร์คือ ‘แหกตาประชาชน’

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี กล่าวบางชวงบางตอนบนเวที “ประเทศไทยมีปัญหา เป็นเวลาของคนไทย ร่วมฟังวาระเพื่อชาติ” ซึ่งจัดขึ้นโดยคณะหลอมรวมประชาชน ว่า “รัฐบาลไทยหน่อมแน้ม อ่อนแอ เขียนแถลงการณ์จากเหตุการณ์ปะทะกันที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี แต่ไม่กล้าเขียนว่าเกิดเหตุบนแผ่นดินไทย แต่ทางกัมพูชาแถลงระบุชัดว่าไทยเปิดฉากยิงก่อน และเขียนชัดว่าพื้นที่ที่ปะทะเป็นของกัมพูชา กล้าเคลมว่าชื่อเตโชมรกตวิลเลจ และรัฐบาลไทยยังจะเจรจา JBC แก้ปัญหาช่องบกในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ แต่กัมพูชาแถลงการณ์ไม่เจรจาด้วย”


รัฐบาลเก่งแต่กับนักข่าว ทำให้ประชาชนไม่มีที่พึ่ง สุดท้ายก็ต้องไปพึ่งทหาร เพราะทหารยืนในหลักการว่าต้องรักษาอธิปไตยของประเทศชาติ อย่าไปหาว่าเรามาปกป้องทหาร ไม่ใช่ แต่ทหารเขาอยู่ในจุดที่ถูกต้อง เราในฐานะประชาชนคนไทยที่หวงแหนแผ่นดิน ผมเชื่อว่าคนไทยทุกคนปกป้องแผ่นดิน เราถึงบอกว่าเราไม่ใช่พวกบ้าสงคราม แต่รัฐบาลต้องมีมาตรการตอบโต้เขา ถ้าอะไรที่ไม่ชัดเจน ถ้ากัมพูชา คุยไม่รู้เรื่อง อะไรที่เคยประกาศความช่วยเหลือ คุณต้องประกาศยกเลิก ถ้าคุยไม่รู้เรื่องต้องประกาศปิดด่าน ถ้าประกาศปิดด่านแล้วยังคุยไม่รู้เรื่อง ไม่ยอมคุย ก็ต้องรบ เราต้องยืนให้ชัด เพราะมีพวกพวกหนึ่งพยายามกล่าวหาว่าเราว่าบ้าสงคราม เราไม่ได้บ้าสงคราม แต่เป็นการขยับมาตรการจากไม้อ่อนไปสู่ไม้แข็งเรื่อย ๆ ขณะที่การเจรจา ถ้าเจรจากันรู้เรื่องก็จบ ไม่มีใครต้องการสู้รบ แต่เราต้องประกาศความชัดเจนว่าเราไม่ต้องการสงคราม และย้ำว่าศาลโลกเราไม่ไป การปกป้องอธิปไตยไม่ใช่จะต้องมีสงครามเสมอไป

นพ.วรงค์ ยังระบุว่า สถานการณ์จากนี้ เราต้องติดตามวันต่อวัน เพราะจะรู้เลยว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต แต่ผมมีข้อสังเกต 2 มุม


1. มุมธรรมชาติ ถ้าทุกอย่างเป็นธรรมชาติ สถานการณ์ก็จะเขม็งไป


2. แต่ถ้ามีพระเอกคือ ‘สทร.’ ขี่ม้าขาวโผล่มาแล้วทุกอย่างมันจบ นี่คือเรื่อง “แหกตาประชาชน”


ตระกูลฮุนกับตระกูลชิน สนิทกันมานาน กอดกันอยู่เรื่อย ๆ ทำไมจะต้องมารบกัน หรือกำลังเล่นเกมกับกรณีของแพทยสภา และกรณีของศาลฎีกาฯ อยู่ ดังนั้นสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าเป็นกลไกธรรมชาติ เราต้องสู้ แต่ถ้าเป็นเกมการเมืองที่สองตระกูลมันวางร่วมกัน เราไม่ต้องไปรบกับเขมร สมมุติถ้าเราจับได้ว่ามันเป็นเกมการเมืองระหว่าง 2 ตระกูล เราต้องฆ่าตระกูลนี้ นี่คือสิ่งที่เราสมมุติ เราวิเคราะห์ จุดยืนของเรา คือ “ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด”

นพ.วรงค์ ยังกล่าวถึงกรณีแพทยสภา กำลังถูกรังแกจากปม “แชทไลน์แพทยสภา” ว่า “เป็นไลน์ที่หลุดเป็นกลุ่มทั่ว ๆ ไป มีทั้งแพทย์ทั่วไป และแพทยสภา รวมถึงคนอื่น ๆ ด้วย พื้นที่นี้จึงเป็นพื้นที่สาธารณะของกลุ่มเขาที่สามารถทบการเมืองได้ กลุ่มไลน์นี้ไม่ใช่กรรมการแพทยสภา แต่มีการนำภาพบางส่วนมาทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าเป็นไลน์กรรมการของแพทยสภาเพื่อรังแกมัน แล้วไปร้องกระทรวงสาธารณสุข”

“แต่มันไม่รู้ว่าแพทยสภามีข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยจริยธรรม ระบุไว้จำนวน 26 ข้อว่าทำอะไรได้บ้างไม่ได้บ้าง ดังนั้นในข้อบังคับจริยธรรมที่ใช้ลงโทษแพทย์ที่มีความผิดจริยธรรม ไม่มีข้อห้ามความคิดเห็นทางการเมือง ดังนั้นไม่มีสิทธิ์ไปร้องเขาเลยในจริยธรรมทางการแพทย์”


วันนี้ สส. ก็ห่วย, สว. ก็เฮงซวย เพราะฮั้วกันเข้ามา สุดท้ายประชาชนต้องช่วยกันออกแบบประเทศไทยครั้งใหม่

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์