จุดเริ่มต้นรัฐล้มเหลว การเมืองสมยอม-คอรัปชัน

31 พ.ค. 2568 - 12:55

  • วงเสวนา Why Nations Fail อัดหนักการเมือง

  • ประเมินยังไม่ถึงขั้นล้มเหลว แต่ผิดพลาดซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า

  • จุดเปลี่ยนกฎหมายต้องศักดิ์สิทธิ์ ปราบคอรัปชันให้สิ้นซาก

จุดเริ่มต้นรัฐล้มเหลว การเมืองสมยอม-คอรัปชัน

วงเสวนาอัดยับการเมือง-เศรษฐกิจกินรวบ ‘อภิสิทธิ์ เวชชาวีวะ’ ซัดพรรคเมืองรวมหัว มองแค่ผลประโยชน์การเลือกตั้ง เทียบเกาหลีใต้ พอทหารถอยออกจากการเมืองประธานาธิบดีโกงติดคุกจริง เชื่อ เมืองไทย หากนายกฯ โกงติดคุกจริง คงพัฒนาเทียบเท่า  ด้าน‘วิรไท สันติประภพ’ ซัดรัฐกบต้ม เฉยไม่ตื่นตัว ปลุกประชาชนตื่น ก่อนถูกต้มจนอ่อนแรงกระโดดหนีไม่ทัน ส่วนกรณ์  จาติกวณิช ยกนโยบายธนู 3 ดอกของญี่ปุ่นมาเปรียบเทียบ ขณะที่ ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย เน้นเรื่องคุณภาพนิติรัฐ และการคอรัปชัน

 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพฯ กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม จัดเวทีสาธารณะ หัวข้อ ‘Why Nations Fail – บทเรียนที่ประเทศไทยต้องไม่ล้มเหลว’ โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า ถ้าพูดถึงระบบการทำงานของภาครัฐที่ยังทำงานอยู่แต่ไม่สามารถยกระดับความเป็นอยู่ของผู้คนได้ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีองค์กรจัดอันดับรัฐล้มเหลวนั้นไทยอยู่ที่อันดับ 95 คะแนนก็อยู่ตรงกลางที่มีคำเตือนแล้ว

 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

พรรคการเมืองรวมหัวกัน

จากที่ได้อ่านหนังสืออีก 2 เล่ม เล่มแรกบอกว่าโครงสร้างของรัฐที่จะนำสู่การพัฒนาประเทศค่อนข้างแคบ มีความเสี่ยงสูง เพราะด้านหนึ่งคือรัฐรวบอำนาจ ทำลาย กลไกตลาด ระบบทุนนิยม การแข่งขัน และอีดด้านหนึ่งคือรัฐไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้ ไร้กติกาไร้ระบบไร้ระเบียบ ดังนั้นต้องมีความพอดี

ส่วนหนังสืออีกเล่มย้ำว่าลำพังเทคโนโลยีไม่ใช่คำตอบของการพัฒนาประเทศทั้งหมด เพราะในอดีตการเข้ามาของเทคโนโลยีก็สร้างความมั่งคั่งกับแค่นายทุนหยิบมือ แต่สิ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์คือการปฏิวัติอุตสาหกรรม มีกฎกติกาการรวมตัวกันของแรงงาน มีอำนาจต่อรอง มีระบบจัดเก็บภาษี และจัดทำสวัสดิการ

ด้วยเหตุนี้จึงมองว่าไทยมีความเสี่ยงที่จะไม่สามารถบรรลุศักยภาพที่มีที่คิดว่าจะทำได้ เพราะเวลาสถาบันต่างๆ จัดอันดับประเทศไทย เรื่องคอรัปชัน เสรีภาพทางเศรษฐกิจ เสรีภาพทางการเมือง ความเป็นประชาธิปไตย ความพร้อมในการเอาเทคโนโลยีไปใช้ ยังเห็นการจัดอันดับที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน

ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา มีแต่ลดลงเรื่อยๆ อาจกระเตื้องขึ้นมาบางปีแล้วก็เสื่อมถอยลงไปอีก จุดอ่อนมีทั้งเศรษฐกิจและการเมือง โดยในเรื่องของเศรษฐกิจนั้น ถ้าดูที่อื่น 10 ปีมานี้บริษัทที่เติบโตในตลาดหลักทรัพย์จะเกี่ยวกับเทคโนโลยี แต่ของไทยน่าจะมีแค่ 1 บริษัทที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี นอกนั้นคือรัฐวิสาหกิจเดิมธุรกิจที่ผูกขาด

ตรงนี้จึงทำให้ยากการก้าวข้ามสภาพปัจจุบัน ถ้าลองไปเสนอความคิดดีๆ กับธุรกิจขนาดใหญ่ในประเทศไทยปฏิกิริยาจะเหมือนกันหมดว่าน่าสนใจมาก แต่ไม่มีความกระตือรือร้นที่จะทำ เพราะทุกวันนี้เขาไม่ต้องแข่งขันอะไร ถ้าต่อไปสังคมไม่โต ไม่มีกำลังซื้อคำตอบของเขาก็แค่ไปลงทุนในต่างประเทศ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนในทางการเมือง วันนี้การเมืองจะเป็นแบบนี้ไปอีกอย่างน้อย 3-4 ปี เพราะเกือบทุกพรรคการเมืองก็พึงพอใจกับสภาพอย่างนี้ คนที่เป็นรัฐบาล ก็พึงพอใจกับความที่ได้เป็นรัฐบาล ส่วนจะผสมกลมกลืนหรือไม่คนละเรื่อง แต่ยังสามารถดำรงสถานะความเป็นรัฐบาล ใช้สถานะความเป็นรัฐบาลหวังว่าจะเอื้อให้การเลือกตั้งครั้งหน้าได้ระดับหนึ่ง แต่ถามว่ามีวิสัยทัศน์หรือมีจุดร่วมจะพาประเทศไปทางไหนหรือไม่ ก็ไม่มีใครทราบ ขนาดพรรคฝ่ายค้านก็มองในทำนองว่า ห้วงเวลาอยู่ข้างเขา ยิ่งประเทศสะสมปัญหามากขึ้นเท่าไหร่ วันข้างหน้ายิ่งมีโอกาสพลิกกลับมา  ดังนั้น

‘ประเทศไทยต้องหลุดพ้นจากสภาพนี้ก่อน เพราะเวลาเดินเร็วมาก ถ้าเสียโอกาสไปอีกเพียงแค่ 2 ปี 3 ปี 4 ปี แล้วคิดจะไปไล่ตามให้ทันทีหลังก็เหนื่อย’ นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า จุดหนึ่งที่ทำให้เรายังไม่สามารถไปไหนได้เพราะความตื่นตัว เศรษฐกิจที่เริ่มถดถอยแต่คนไม่มีการตื่นตัว น่าจะเกิดความชินชา ซึ่งเมื่อเหล่านี้จะไปผูกพันกับคอรัปชันด้วยแต่คนก็จะชินชาว่ามันก็เป็นอย่างนี้ ประเด็นท้าทาย หรือเราต้องรอให้เกิดวิกฤตก่อน หรือรอจนถูกต้มจนสุกแล้ว ส่วนตัวเคยหวังว่าโดนัลด์  ทรัมป์จะมาช่วยเรา เพราะวันที่ขึ้นเป็นประธานาธิบดีการประกาศนโยบายแรกๆ ทำให้คนไทยมีอารมณ์ร่วมหมดว่าจะทำอย่างไรให้ ประเทศไทยรอด แม้กระทั่งฝ่ายค้าน ที่บอกว่าจะต้องให้กำลังใจรัฐบาล ดังนั้นตอนนี้ต้องมีการกระตุ้นความรู้สึกคนไทยให้มีส่วนร่วมในการปรับตัว และต่อสู้เพื่อให้ประเทศไทยอยู่รอด

นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า จริงๆ หลายเรื่อง หลายภาคส่วนก็มีการขยับ แต่ที่จับตาอยู่คือระบบศาล ระบบยุติธรรมไปด้วยหรือเปล่า และอย่างที่มีผู้กล่าวมาก่อนหน้านี้ว่าผู้ที่มีอำนาจในระบบเศรษฐกิจผูกขาด มีอิทธิพลมากต่อระบบการเมือง นี่คือจุดล่อแหลมจุดอันตรายที่เราต้องหาทางแก้ไขให้ได้ ซึ่งส่วนหนึ่งจากหนังสือที่ตนได้อ่าน มีการเปรียบเทียบไทยกับเกาหลีใต้ เพราะเคยอยู่ในระดับการพัฒนาเดียวกัน แต่วันนี้เกาหลีใต้ไปไกลกว่าเยอะ สิ่งที่เขาคิดและชี้ชัดคือบทบาทของทหารเกาหลีใต้ถอยออกไปเยอะจากการเมือง แต่ส่วนตัวอยากจะชี้ให้เห็นเพิ่มเติมว่า นอกจากกองทัพเกาหลีใต้ถอยออกไปแล้ว จะเห็นว่า ประธานาธิบดีทุกคนที่โกงกินติดคุกหมด ถ้าประเทศไทยมีนายกฯ โกงและติดคุกด้วย เราก็อาจจะไปถึงจุดที่เกาหลีไปถึงด้วยเช่นกัน

ที่ผ่านมามีคนพูดว่าหวังว่าทหารจะไม่เข้ามาอีก แสดงว่ามีการเรียนรู้ระดับหนึ่ง ว่าถ้าเราจะไปหวังพึ่งกลไกลบางอย่างที่คิดว่าลอยมาแล้วจะแก้ปัญหาได้ในที่สุดเราก็จะผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า

วันนี้ส่วนตัวเห็นว่ารัฐธรรมนูญยังเป็นอุปสรรคอยู่ แต่คนที่ที่รู้สึกแบบเดียวกันไม่กล้ากระโดดมารื้อรัฐธรรมนูญเพราะไม่รู้ว่ารื้อแล้วจะได้อะไรกลับมา เพราะสัญญาณที่เกิดขึ้นคือ เห็นว่าองค์กรอิสระไม่น่าเชื่อถือ พอบอกไม่เอาเผด็จการทหาร แต่คำตอบเดียวที่มีคือ ให้ทุกอย่างเป็นไปตาม เสียงข้างมากที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งถ้าไปสู่จุดนั้นก็แสดงว่า เราไม่เรียนรู้จากประวัติศาสตร์ การทำให้กลไกการตรวจสอบการใช้อำนาจของคนที่มาจากการเลือกตั้งคือสิ่งสำคัญ กระบวนการส่งคนเช้าสู่อำนาจสำคัญ จึงกลับมาที่เรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย ความเป็นอิสระของหน่วยงานตรวจสอบต่างๆ ที่ไม่จำกัดอยู่แค่องค์กรอิสระ หรือศาลแต่คือสื่อมวลชนด้วย 

ทั้งนี้ความคาดหวังว่าให้ราชการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องยากเพราะระบบราชการ ไม่ได้ออกแบบมาให้เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง แต่คนที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงคือระบบการเมืองที่เข้มแข็ง ถ้ารัฐบาลเสถียรภาพง่อนแง่น จะเปลี่ยนแปลงอะไรก็คงลำบาก โครงสร้างตามรัฐธรรมนูญปี 2540 คนร่างตั้งโจทย์ชัดว่าไม่เอารัฐบาลผสม แต่ออกแบบให้รัฐบาลเข้มแข็งกับ ออกแบบให้มีระบบตรวจสอบใหม่ คือการสร้างองค์กรอิสระจำนวนมาก ซึ่งถ้าองค์กรเหล่านั้นทำงานได้ผลตามนั้นคิด มันก็ไปได้ วันนี้โจทย์นั้นก็ยังอยู่กับเรา เราอยากได้รัฐบาลเข้มแข็ง มีทิศทางที่ชัดเจนในการที่จะปรับโครงสร้างต่างๆ แต่ต้องถูกตรวจสอบ โดยองค์กรที่ควรเชื่อถือไ ด้และมีความเป็นอิสระ

 กรณ์ จาติกวณิช

โมเดลธนู 3 ดอก

ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รู้สึกอึดอัดต่อหลายอย่างที่เกิดขึ้นในประเทศไทยไม่ว่าระดับสังคมหรือเศรษฐกิจก็ตาม  จากการอ่านหนังสือเล่มหนึ่งพบว่า สิ่งที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศคือ

 1. ภูมิลักษณะที่เปลี่ยนแปลงเร็ว

2. เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง

3. การเปลี่ยนแปลงผู้นำเพราะหลายประเทศมีการเลือกตั้ง เช่นสหรัฐอเมริกาที่มีการเปลี่ยนแปลง

ผู้นำก็ทำให้ประเทศพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อกลับมามองประเทศไทย ที่เราเคยหวังว่าเมื่อไม่นานมานี้เราก็ประสบความสำเร็จเมื่อเทียบกับหลายประเทศโดยเฉพาะเพื่อนบ้าน

อย่างไรก็ตาม วันนี้สิ่งที่ชัดเจนเรามีปัญหาหลักอยู่ 2 อย่างคือ

1. เรามีปัญหาเรื่องเงินฝืดธนาคารไม่ปล่อยกู้เศรษฐกิจไม่โต GDP ไม่โต

2. มีปัญหาหนี้สินโดยเฉพาะหนี้สินครัวเรือน

ซึ่ง 2 ปัญหานี้เปรียบเทียบกับประเทศญี่ปุ่น หลังยกฟองสบู่ ก็อยู่ในสภาวะ เงินฝืดหลายปีจนนายกรัฐมนตรีอาเบะมีนโยบายเมื่อ 2012 เรียกว่าธนู 3 ดอก

1. ผ่อนคลายการเงินลดอัตราดอกเบี้ยลงไปต่ำกว่า 0%

2. กระตุ้นนโยบายการคลัง

3. การปฏิรูปภาคธุรกิจ

ซึ่งต้องทำพร้อมกันทั้ง 3 เรื่องโดยเฉพาะดอกสุดท้ายที่ทำให้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นฟื้นตัว และวันนี้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นก็มีความคึกคัก แม้ปัญหาจะอย่างมากอยู่แต่ก็เป็นบทเรียนให้กับประเทศไทยว่าวันนี้ด้วยปัญหาคล้ายๆ กันรวมถึงปัญหาการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ

‘ดังนั้นไทยอาจจะเรียนรู้บทเรียนนโยบายของญี่ปุ่นมาประยุกต์ใช้อาจจะทันท่วงทีต่อการกระตุ้นให้ประเทศไทยฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้อย่างน้อยใน 10 ปีข้างหน้า และปัจจัยที่สำคัญมากคือ เรื่องของผู้นำ ญี่ปุ่นยังต้องพึ่งนายกฯ อาเบะ ผมกล้าพูดว่าถ้าไม่มีอาเบะก็ไม่สามารถที่จะผลักดันนโยบายที่ท้าทายทางการเมืองได้ เหมือนกับที่ญี่ปุ่นได้ทำมาเพราะฉะนั้นกลับมาที่ประเทศไทยของเราช่องทางมันมีแต่ต้องอาศัยผู้นำคำถามที่สำคัญคือแล้วเราจะทำอย่างไรถึงจะได้ผู้นำที่ดี’ นายกรณ์ กล่าว

 ดร.วิรไท สันติประภพ

หม้อต้มกบ กำลังกลับมาอีกครั้ง

ขณะที่ ดร.วิรไท สันติประภพ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าโลกปัจจุบันมีโอกาส ที่จะทำนโยบาย หรือมาตรการต่างๆให้ถูกเพื่อเปลี่ยนสภาวะปัญหาที่เผชิญอยู่มาเป็นโอกาสในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนส่วนใหญ่ได้  โดยเฉพาะการพัฒนาทางเทคโนโลยีสามารถนำมาสู่โอกาสที่หลากหลายได้ อยากได้ก็ตามอย่างมีหลายปัจจัยที่ยังกังวลว่ารัฐยังไม่สามารถ ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนส่วนใหญ่ได้อย่างยั่งยืน เช่นโครงสร้างสถาบันการเมือง เศรษฐกิจที่มีลักษณะกินรวบ  มากกว่ากันเปิดโอกาสการมีส่วนร่วม และเราเริ่มเห็นปฏิสัมพันธ์ของสถาบันเศรษฐกิจ และสถาบันการเมืองกินร่วมทำให้โอกาสของคนส่วนใหญ่ของประเทศยากขึ้น นอกจากนี้หลักนิติรัฐยังเห็นว่าอ่อนแอทุกระดับ 

 ตอนนี้เราอาจจะไม่ใช่รัฐที่ล้มเหลวหรือรัฐที่สอบตก แต่ผมรู้สึกว่า เป็นรัฐกบต้ม รัฐนิ่งเฉยมากขึ้น ดังนั้นเราจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เป็นกบที่นิ่งเฉยแต่ตระหนักถึงอุณหภูมิที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆจะทำอะไรก็ให้รีบๆทำ ก่อนที่จะปล่อยให้น้ำร้อนขึ้นเรื่อยๆนะขณะที่กล้ามเนื้อเราอ่อนแรงลงเรื่อยๆ ดังนั้นต้องช่วยกันตระหนักรู้และหาทางออกจากหม้อน้ำที่อุณหภูมิ สูงขึ้นเรื่อยๆก็เชื่อว่าจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยส่วนใหญ่ได้’ ดร.วิรไท กล่าว

ส่วนสำคัญคือการปฏิรูประบบราชการเพราะเป็นตัวเชื่อมของของสถาบันการเมืองและเศรษฐกิจ ซึ่งวันนี้อ่อนแอมาก และกลายเป็นเสริม หรือจำยอมให้เกิดการกินรวบ วันนี้เราเห็นนโยบายการเมืองหลายอย่างที่ไม่ค่อยยึดโยงผลประโยชน์ของประชาชน และก็เห็นการตัดสินใจของภาครัฐหลายอย่างเหมือนกันที่ไม่ได้ยึดโยงกับประโยชน์ของประชาชน จึงต้องปฏิรูประบบราชการ

 ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย

คุณภาพนิติรัฐและคอรัปชัน

 ขณะที่ ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย กรรมการผู้จัดการ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า ตัวชี้วัดคุณภาพของสังคมไทยวันนี้ มี 4 ตัวคือ

1.คุณภาพของนิติรัฐ มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรมหรือไม่ เพราะหลายกรณีในเมืองไทยที่คนทำผิดไม่ต้องรับผิด กฎหมายถูกบังคับใช้ไม่เท่ากันในหลายกรณี

2. เรื่องคอรัปชั่น ที่คนมองว่าเป็นเรื่องปกติของสังคมไทย ใครๆ ก็จ่ายทั้งๆ ที่สังคมอื่นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้

3.การผูกขาดกินรวบ

4 ความเป็นประชาธิปไตย

 

นี่คือสัญญาณ ที่สำคัญของคุณภาพสถาบันการเมืองและเศรษฐกิจ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์