นักวิจัยเตือน ประเทศส่วนใหญ่ที่มีอาวุธนิวเคลียร์ยังคงเดินหน้าปรับปรุงคลังอาวุธของตัวเองให้ทันสมัยในปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการปูทางไปสู่การแข่งขันด้านอาวุธนิวเคลียร์ครั้งใหม่
สถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์ม (SIPRI) เปิดเผยว่า มหาอำนาจด้านนิวเคลียร์ รวมถึงสหรัฐฯ และรัสเซีย ซึ่งครอบครองอาวุธนิวเคลียร์เป็นสัดส่วนประมาณ 90% ของคลังอาวุธทั่วโลก “อัพเกรดอาวุธที่มีอยู่เดิมและเพิ่มรุ่นใหม่กว่า” เมื่อปีที่แล้ว
นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น โดยทั่วไปแล้วหัวรบนิวเคลียร์เก่าจะถูกปลดออกเร็วกว่าการนำหัวรบนิวเคลียร์ใหม่มาใช้ ส่งผลให้จำนวนหัวรบนิวเคลียร์โดยรวมลดลง
แต่ SIPRI เตือนว่า ในอีกไม่กี่ปีนี้แนวโน้มดังกล่าวจะสวนทาง
แดน สมิธ ประธาน SIPRI เผยกับ AFP ว่า “อันดับแรก ที่เราเห็นอยู่ตอนนี้คือ จำนวนหัวรบนิวเคลียร์ที่ใช้งานได้กำลังเพิ่มขึ้น” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของจีน ซึ่ง SIPRI ระบุว่า มีหัวรบนิวเคลียร์อยู่ราว 600 หัวรบ และเพิ่มหัวรบนิวเคลียร์ใหม่อีก 100 หัวรบในปี 2023-2024
สมิธเผยว่า “จีนกำลังสะสมหัวรบนิวเคลียร์เพิ่มอย่างต่อเนื่อง” และว่า จีนอาจมีหัวรบนิวเคลียร์ 1,000 หัวรบภายใน 7 หรือ 8 ปี และแม้ว่าจะยังน้อยกว่าของรัสเซียและสหรัฐฯ แต่ก็ทำให้จีน “เป็นผู้เล่นที่ใหญ่กว่ามาก”
สมิธกล่าวอีกว่า โลกกำลังเผชิญกับภัยคุกคามใหม่ “ในช่วงเวลาที่อันตรายและไม่มั่นคงเป็นพิเศษ” สำหรับภูมิรัฐศาสตร์ และกล่าวเพิ่มเติมว่า “เราเห็นสัญญาณเตือนว่าการแข่งขันทางอาวุธนิวเคลียร์ครั้งใหม่กำลังจะเกิดขึ้น”
-โปรแกรมที่ครอบคลุมเป็นวงกว้าง-
SIPRI พบว่า ณ เดือนมกราคม 2025 โลกมีหัวรบนิวเคลียร์ทั้งหมด 12,241 หับรบ ในจำนวนนี้ 9,614 หัวรบอยู่ในคลังอาวุธที่มีโอกาสนำไปใช้ในอนาคต
รายงานของ SIPRI ระบุว่า ทั้งรัสเซียและสหรัฐฯ มี “โครงการที่ครอบคลุมเป็นวงกว้างเพื่อทำให้หัวรบนิวเคลียร์ทันสมัยและนำของใหม่มาแทนที่ของเดิม”
ส่วนสหราชอาณาจักร เชื่อกันว่าไม่เพิ่มจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ในปี 2024 แต่ SIPRI กล่าวว่าเมื่อพิจารณาจากการตัดสินใจของสหราชอาณาจักรเมื่อปี 2021 ในการเพิ่มจำนวนหัวรบนิวเคลียร์จาก 225 หัวรบเป็น 260 หัวรบ ก็มีแนวโน้มที่สหราชอาณาจักรจะเพิ่มจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ในอนาคต
เช่นเดียวกับฝรั่งเศส มีจำนวนหัวรบนิวเคลียร์คงที่อยู่ที่ราว 290 หัวรบ แต่การปรับปรุงหัวรบนิวเคลียร์ให้ทันสมัยของรั่งเศสก็ก้าวหน้าขึ้นในช่วงปี 2024
อินเดียและปากีสถานต่างก็ “เดินหน้าพัฒนาระบบยิงหัวรบนิวเคลียร์แบบใหม่ในปี 2024” จำนวนหัวรบนิวเคลียร์ของอินเดียเพิ่มขึ้นเป็นราว 180 หัวรบเมื่อช่วงต้นปี 2025 ขณะที่หัวรบนิวเคลียร์ของปากีสถานเท่าเดิมที่ราว 170 หัวรบ

-สถานการณ์วันสิ้นโลก-
SIPRI ยังระบุว่า โครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือยังคงเป็น “หัวใจหลักของยุทธศาสตร์ความมั่นคงของชาติ” โดยคาดการณ์ว่าเกาหลีเหนือมีหัวรบนิวเคลียร์ราว 50 หัวรบ และเชื่อว่ามี “วัสดุที่สามารถทำให้เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ลูกโซ่ได้เพียงพอที่จะมีหัวรบนิวเคลียร์ได้มากถึง 90 หัวรบ”
อิสราเอลซึ่งไม่ยอมรับว่ามีอาวุธนิวเคลียร์ กำลังปรับปรุงคลังอาวุธของตัให้วเองทันสมัย โดย SIPRI คาดว่า ณ ช่วงต้นปีอิสราเอลมีหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ 90 หัวรบ
สมิธย้ำว่า การแข่งขันด้านอาวุธนิวเคลียร์ที่กำลังจะเกิดขึ้นจะไม่ใช่แค่เรื่องของ “จำนวนหัวรบนิวเคลียร์” เท่านั้น แต่ “มันคือการแข่งขันด้านอาวุธที่จะใช้เทคโนโลยีขั้นสูง”
เขากล่าวเสริมอีกว่ามันจะเป็นทั้งใน “อวกาศและไซเบอร์สเปซ” เนื่องจากซอฟต์แวร์ที่ควบคุมและนำทางอาวุธนิวเคลียร์จะเป็นพื้นที่ที่มีการแข่งขันกัน
การพัฒนาอย่างรวดเร็วของปัญญาประดิษฐ์มีแนวโน้มที่จะเริ่มเข้ามามีบทบาท โดยเริ่มแรกเป็นส่วนเติมเต็มสำหรับมนุษย์ “ขั้นตอนต่อไปคือการมุ่งสู่ระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ไม่ควรเดินหน้าต่อ”
“หากโอกาสที่เราจะหลุดพ้นจากอันตรายของสงครามนิวเคลียร์ต้องอยู่ในมือของปัญญาประดิษฐ์ ผมคิดว่าเหตุการณ์นั้นคงจะใกล้กับวันสิ้นโลกอย่างแน่นอน” สมิธทิ้งท้าย
Photo by FAROOQ NAEEM / AFP