วรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ YLG ชี้ปัจจัยเชิงบวกและลบกระทบทองคำพร้อมกัน คาดแกว่งตัวในกรอบระดับสูง
สงครามการค้าทวีความรุนแรง หนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
วรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทวายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ระบุว่า สถานการณ์สงครามการค้าเริ่มมีความรุนแรงมากขึ้น หลังจากสหรัฐฯ ประกาศจะส่งจดหมายแจ้งการเก็บภาษีแบบฝ่ายเดียวกับประเทศคู่ค้า ล่าสุดประธานาธิบดีทรัมป์ยังขู่ขึ้นภาษี 10% กับพันธมิตรที่เป็นประเทศมีความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์
"ถ้าภาพสงครามการค้ามีสถานการณ์ที่รุนแรงเพิ่มมากขึ้น ปัจจัยดังกล่าวจะกลับมากระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยให้มีการปรับตัวขึ้น" วรุต กล่าว
การเจรจาการค้าคลุมเครือ ส่งผลให้ทองคำอ่อนตัวช่วงสั้น
ตลาดเคยคาดการณ์ว่าวันที่ 9 กรกฎาคม จะมีการจัดเก็บภาษีและส่งจดหมายไปยังกลุ่มประเทศต่างๆ เพื่อจัดเก็บอัตราภาษีใหม่สำหรับประเทศที่ไม่บรรลุข้อตกลง แต่ สก็อตต์ เบสเซนต์
รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ออกมาบอกว่าบางประเทศที่ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าได้ทันวันพุธอาจมีโอกาสขยายระยะเวลาไปอีกประมาณ 3 สัปดาห์
ประเด็นดังกล่าวทำให้ตลาดมองว่าการเจรจาการค้าถ้ายังไม่บรรลุจริงๆ สำหรับประเทศที่มีอัตราต่อรองในระดับสูง สหรัฐฯ อาจต้องการทรัพยากรบางอย่าง เช่น แร่หายาก หรือต้องการให้กลุ่มประเทศดังกล่าวซื้อสินค้าและบริการจากสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้น
12 ประเทศเตรียมรับจดหมายเก็บภาษี
มี 12 ประเทศที่จะไม่ต้องเจรจาแล้วเตรียมรับจดหมายเก็บภาษี ซึ่งต้องติดตามว่าจะเป็นประเทศที่มีการเจรจาไปบ้างแล้วแต่ยังตกลงไม่ได้ หรือเป็นประเทศที่ไม่ได้เจรจาเลย และจะโดนอัตราภาษีในระดับเท่าไร
"ถ้าการจัดเก็บภาษีไม่สูงมากนักก็อาจจะไม่ได้สร้างความผันผวนวุ่นวายต่อระบบเศรษฐกิจโลกมากนัก ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยก็อาจจะขยับขึ้นไปไม่ไกล แต่ถ้า 12 ประเทศดังกล่าวโดนอัตราภาษีในระดับที่สูงมากและมีการเจรจาหรือตกลงการค้าไม่เป็นไปตามที่สหรัฐฯ พึงพอใจ ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยก็มีโอกาสอ่อนตัวลง" วรุต วิเคราะห์
ดอลลาร์สหรัฐฯ มีสัญญาณอ่อนค่าแต่เริ่มทรงตัว
ดอลลาร์สหรัฐฯ มีสัญญาณการกลับมาอ่อนค่าค่อนข้างชัดเจน ส่วนหนึ่งมาจากสภาคองเกรสอนุมัติกฎหมาย One Big Beautiful Bill ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงค่อนข้างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์สงครามการค้าเริ่มมีภาพที่อาจจะเห็นว่าสหรัฐฯ จะได้ประโยชน์จากการทำสงครามการค้า ได้ทั้งภาษีเพิ่ม รายได้จากภาษีเพิ่ม และมีหลายประเทศต้องการซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ เพิ่ม รวมถึงได้ทรัพยากรแร่หายากมาทำการผลิตในประเทศเพิ่มด้วย
สัญญาณดังกล่าวทำให้ดอลลาร์เริ่มชะลอการอ่อนค่า และเริ่มเห็นจังหวะของดอลลาร์มีการเด้งกลับในบางช่วง ปัจจุบันดอลลาร์ทรงตัวรักษาระดับอยู่ที่ 96 ดอลลาร์
กฎหมาย One Big Beautiful Bill ส่งผลต่อทองคำทั้งทางบวกและลบ
กฎหมาย One Big Beautiful Bill ส่งผลต่อทองคำในทั้งสองทาง ทางบวกคือ ทำให้สถานะทางการคลังของสหรัฐฯ สั่นคลอน เนื่องจากรายได้จากการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีบุคคลธรรมดาลดลง แต่รายจ่ายเกี่ยวกับงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจและงบประมาณทางการทหารเพิ่มขึ้น
ความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ทางการคลังและความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ทองคำได้รับแรงหนุนหรือแรงกระตุ้นประคองเอาไว้
ทางลบคือ มาตรการดังกล่าวทำให้ประชาชนชาวสหรัฐฯ มีเงินจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น และกิจการในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมีผลกำไรมากขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยและโยกเม็ดเงินลงทุนไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงแทน
เฟดคาดลดดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปีนี้
ตลาดคาดการณ์ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในปีนี้น่าจะเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งเท่านั้น ลดลงจากเดิมที่คาดไว้ 3-4 ครั้ง
การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันที่ 30 กรกฎาคม ตลาดยังคาดการณ์ว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเอาไว้ระดับเดิม 4.25-4.50% ตลาดคาดว่าการลดดอกเบี้ยครั้งแรกจะเกิดขึ้นในเดือนกันยายน ครั้งที่ 2 ในเดือนตุลาคม และให้น้ำหนักเพียง 33% ว่าเดือนธันวาคมจะมีการลดดอกเบี้ยครั้งที่ 3
คาดทองคำแกว่งตัวในกรอบระดับสูง
วรุต มองว่าทองคำน่าจะเป็นลักษณะของการแกว่งตัวอยู่ในกรอบ โดยต้องไปตามดูว่าสถานการณ์สงครามการค้าจะมีความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน ซึ่งนักลงทุนฝั่งทองคำจะจับตาดูสถานการณ์ดังกล่าวเพื่อใช้เป็นปัจจัยชี้นำราคา
ถ้าสถานการณ์อาจยังคงมีความคลุมเครือและวิตกกังวลต่อสถานการณ์สงครามการค้าอยู่ ทองคำอาจอ่อนตัวลงได้ไม่เยอะ
กลยุทธ์การลงทุน
ทองคำต่างประเทศ:
- แนวรับ: 3,290-3,275 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นจุดเข้าซื้อ
- แนวต้าน: 3,343-3,365 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำทยอยขายออกมาก่อน
- หากราคาหลุดระดับ 3,275 ดอลลาร์ ให้ชะลอการเข้าซื้อไปที่ระดับ 3,256 หรือ 3,248 ดอลลาร์
ทองคำไทย:
- โซนเข้าซื้อ: 50,550-50,350 บาทต่อบาททอง
- เป้าหมายการขาย: 51,400-51,750 บาทต่อบาททอง
- หากหลุดระดับ 50,350 บาท ให้ชะลอการเข้าซื้อไปที่ระดับ 50,000 หรือ 49,800 บาทต่อบาททอง
ค่าเงินบาทเริ่มทรงตัวรักษาระดับที่ 32.40 บาทต่อดอลลาร์ หลังจากฟื้นตัวจากระดับ 32.25 บาท ทำให้ทองไทยไม่ได้รับแรงกดดันจากความผันผวนของค่าเงินบาทมากนัก