คดีเยาวชนชายอายุ 14 ปี ใช้ปืนยิงนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ กลางห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน จนเป็นเหตุให้มีบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย
ล่าสุดที่ สน.ปทุมวัน เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา (4 ต.ค.) พบว่ามีสื่อมวลชนเดินทางมาปักหลักรอทำข่าวจำนวนมาก เนื่องจากเมื่อช่วงคืนที่ผ่านมา ตำรวจได้นำตัวผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำ แต่เนื่องจากสภาพจิตใจของผู้ก่อเหตุยังไม่พร้อมและยังไม่สามารถให้การได้ จึงต้องสอบปากคำต่อในช่วงเช้าวันนี้
โดยเมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้คุมตัวผู้ก่อเหตุขึ้นรถกระบะ เพื่อนำตัวส่งศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เอาผิดใน 5 ข้อหา คือ 1.ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 2.พยายามฆ่า 3.มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 4.พกพาอาวุธปืนในพื้นที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และ 5.ยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
ขณะเดียวกันวันนี้ตำรวจได้เชิญพยานในที่เกิดเหตุ รวมถึงครอบครัวของผู้ก่อเหตุและครอบครัวของผู้เสียชีวิตมาสอบปากคำเพิ่มเติม เบื้องต้นตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลว่า ผู้ปกครองของผู้ก่อเหตุเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กหรือไม่
ด้าน ‘ร.ต.อ.ธัญอมร หนูนารถ’ รองสารวัตรปราบปราม สน.ปทุมวัน ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดระงับเหตุเยาวชนชายอายุ 14 ปี ใช้ปืนกราดยิงภายในห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เปิดเผยว่าหลังทราบว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เขาได้อาสาขอเข้าไประงับเหตุทันที แม้ตัวเองจะไม่ใช่ชุดปฏิบัติการพิเศษ แต่ก็เคยผ่านฝึกอบรมหลักสูตรเผชิญเหตุ Active Shooter มาแล้วหลายหลักสูตร
‘ร.ต.อ.ธัญอมร’ ยังมองว่าหากปล่อยให้เวลาผ่านไปอาจเกิดความสูญเสียเพิ่มขึ้น จึงต้องรีบระงับเหตุ เพื่อหยุดการฆ่าของคนร้ายให้ได้ โดยเน้นการเจรจา และทำให้เด็กเห็นว่าเจ้าหน้าที่มีอาวุธครบมือ เพื่อให้เด็กรู้สึกกดดัน ไม่อยากสู้กับเจ้าหน้าที่ และยอมมอบตัว ‘ร.ต.อ.ธัญอมร’ ยังบอกว่าเขารู้สึกภูมิใจมากที่ทำภารกิจนี้สำเร็จ และหยุดการบาดเจ็บและเสียชีวิตไม่ให้เพิ่มขึ้นได้
โดยตอนที่เขาไปพบผู้ก่อเหตุ พบว่าผู้ก่อเหตุกำลังโทรศัพท์พูดคุยกับตำรวจชุดไกล่เกลี่ยอีกชุดหนึ่ง ที่กำลังเจรจาเกลี่ยกล่อมให้ผู้ก่อเหตุมอบตัว แต่ผู้ก่อเหตุได้บอกว่า เห็นคนถือปืนเยอะมาก ต้องสู้ ถ้าไม่สู้ก็จะฆ่าตัวตาย ตอนนั้นเองทำให้เขาประเมินสถานการณ์ว่า ผู้ก่อเหตุกำลังวัดใจเจ้าหน้าที่ เขาจึงแสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่มีปืนยาว และมีอาวุธที่เหนือกว่า สุดท้ายผู้ก่อเหตุจึงยอมมอบตัวกับตำรวจ
‘ร.ต.อ.ธัญอมร’ ยังมองว่า ผู้ก่อเหตุน่าจะมีความชำนาญในการใช้ปืน เพราะมีอุปกรณ์สำหรับเหน็บปืน และมีลักษณะการใช้ที่เหมือนผ่านการฝึกมาก่อน
พร้อมเตือนประชาชนว่าหากเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้ ให้ยึดหลัก ‘หนี ซ่อน สู้’ คือ หนีออกจากจุดเกิดเหตุโดยเร็ว อย่าห่วงสัมภาระหรือทรัพย์สิน แต่หากหนีไม่พ้น ให้หาที่ซ่อนที่ปลอดภัย มีประตูปิดมิดชิดและแข็งแรง หลังปิดประตูแล้วอาจนำโต๊ะ ตู้ มาปิดขวางประตูอีกชั้น พร้อมกับมองหาทางหนีทีไล่ และอาวุธต่างๆ ไว้ป้องกันตัว หากคนร้ายเจอตัว แต่กรณีที่เป็นผู้หญิงหรือเด็ก ต้องประเมินกำลังก่อน หากสู้ไม่ได้ให้ลองเจรจาพูดคุยเพื่อให้คนร้ายเห็นใจ และถ่วงเวลาให้นานที่สุด เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือได้ทัน
