ร่ายยาว! ‘บิ๊กตู่’ รับเบื่อใช้อำนาจ ย้ำวาง ‘ยุทธศาสตร์ 20 ปี’ เป็นสิ่งที่ต้องทำ

10 กุมภาพันธ์ 2566 - 07:38

Prime-Minister-gave-a-special-speech-at-the-Ministry-of-Foreign-Affairs-SPACEBAR-Thumbnail
  • ‘ลุงตู่’ ร่ายยาวปาฐกถาพิเศษ บอกต้องปรับตัวให้ทันโลกในยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนไปเหมือนกัน

  • แนะเด็กใช้ Google พร้อมยกให้เป็น ‘ครูกูฯ’

  • ยอมรับเบื่อใช้อำนาจ ย้ำวางยุทธศาสตร์ 20 ปี เป็นสิ่งที่ต้องทำ หวังเยาวชนสานต่อ

  • แซวตัวเอง บอกตายแล้วเป็นวิญญาณก็จะกลับมาดู

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมต.กลาโหม กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ ‘การเป็นยุวทูตคุณธรรมขับเคลื่อนกิจกรรมในการพัฒนาสังคมไทยและสังคมโลก’ ณ ห้องประชุมวิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ โดยมี ดอน ปรมัถต์วินัย รมว.การต่างประเทศ และ จุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมงาน 

โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวบางช่วงบางตอนถึงการที่ตัวเองต้องปรับตัวให้ทันโลกในยุคปัจจุบัน ซึ่งมีเทคโนโลยีใหม่ พร้อมย้ำถึงการพัฒนาประเทศในทุกมิติ 

“วันนี้โลกเราเปลี่ยนไปเยอะ โลกใบเดิม แต่เป็นเรื่องที่มีเทคโนโลยีเข้ามามากขึ้นและมีปัญหาเยอะแยะมากมาย ทั้งโรคอุบัติใหม่ทั้งเทคโนโลยีและดิจิทัลต่างๆ ฉะนั้นเราต้องปรับตัวของเราให้สอดคล้อง ลุงก็พยามปรับตัวเหมือนกัน เดี๋ยวจะหาว่าคนแก่ไม่รู้เรื่อง เราก็พยามรู้เรื่องของเราในการทำงาน และก็ต้องไปสานต่อทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน เรามีการทำงานที่ครบถ้วนในระบบการบริหาร ลุงเล่าให้ฟัง ซึ่งลุงก็อยู่ในการบริหารมาหลายปี หลายคนอาจจะไม่ชอบหน้าบ้าง ชอบบ้าง อะไรก็แล้ว แต่ลุงตั้งใจจะทำทุกอย่างเพื่อให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง มั่นคั่ง ยังยืน มั่นคงในทุกมิติ ไม่ใช่เฉพาะการทำงานอย่างเดียว ทั้งเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงในเรื่องของความมั่งคั่ง คือความมั่งคั่งของประเทศ ประกอบด้วยรายได้ของคนทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นรายได้มาก ปานกลาง หรือรายได้น้อย ทำอย่างไรจะอุดช่องว่างตรงนี้ได้ เพื่อให้เดินหน้าไปสู่อนาคตที่ดี อย่างบ้านเราเรื่องความยากจน และความเหลื่อมล้ำมีทุกประเทศ ต้องมีแน่นอน เพราะเป็นเรื่องของประชาธิปไตยและเรื่องของการค้าเสรี มันคือปัญหา ที่มีทั้งคุณ ทั้งโทษ ไม่อย่างนั้นคนคงไม่ใช้ระบบนี้เยอะแยะ  ระบอบประชาธิปไตย การค้าเสรี ก็อาจจะดีกว่าระบบอื่น เมื่อเราเป็นประชาธิปไตยของเราก็ต้องทำแบบของเราให้ดีที่สุด ความมั่งคั่ง จะทำให้ทุกคนรวยทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้ ถ้าทุกคนพัฒนาไปวันหน้าจะค่อยๆดีขึ้น อย่างน้อยคือการอยู่ให้รอดปลอดภัยใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป”   

พล.อ.ประยุทธ์ ยังระบุถึงการดูแลให้สถานการณ์ในภาคใต้ดีขึ้น แต่ก็ยอมรับว่า เบื่อการใช้อำนาจ เพราะต้องการได้ความร่วมมือมากกว่า พร้อมยืนยัน ไม่เคยไปรังเกียจใครทั้งสิ้น ซึ่งแม้จะไม่รักตน แต่อยากให้รักประเทศไทย และมองว่าคนรุ่นเก่ารุ่นแก่ต้องเชื่อมโยงกับคนรุ่นใหม่ให้ได้  

พร้อมระบุถึงการค้นคว้าหาข้อมูลผ่าน Google ในทำนองว่า “อะไรไม่รู้ก็เข้าไปดูในกูเกิ้ล ลุงเองก็เข้าไปดู อะไรที่จำไม่ได้ก็ต้องไปดู เราเข้าไปดูก็จะรู้ว่าอะไรที่เป็นประโยชน์ ข้อมูลมันมีทั้งหมดสำหรับครูกู โดยเฉพาะ ถ้าอยากรู้ว่าราชการเป็นอย่างไร สามารถเปิดเข้า ไปดูได้ทุกอย่างมีข้อมูลทั้งหมด แต่ส่วนใหญ่ ที่ผมเข้าไปดูมักไม่มีใครเข้าไปดู เพราะเป็นเรื่องของวิชาการมากจนคนไม่สนใจ ส่วนใหญ่ไปคิดเร็วๆแบบพวกเรา เจอก็ต้องหาคนรับผิดชอบก่อน เป็นเรื่องที่ถูก แต่ก็ต้องดูว่าเขาทำอะไรกันไปแล้วบ้าง จะต้องมีหลักคิดที่ถูกต้อง ไม่ใช่ว่าทำแล้วจะได้เลยมันไม่ง่ายนักหรอก เราต้องเตรียมตัวสู่โลกใบใหม่ ลุงเองก็พยายามปรับตัวตรงนี้ อย่าหาว่าลุงโบราณ วันนี้ไม่ใช่แล้ว ก็พยายามปรับตัวตรงนี้อยู่ ทุกอย่างขอให้ดูสิ่งที่เป็นประโยชน์ อะไรที่สนุกสนานลุงไม่ว่า เป็นวัยของเรา แต่ก็ให้เปิดกูเกิ้ลดูอะไรที่เป็นประโยชน์บ้าง แม้แต่ในโทรทัศน์ แล้วเป็นเรื่องการเมืองมาก ลุงก็ไม่ดูปวดหัว แต่ดูอะไรที่มีความก้าวหน้า หลายช่องมีเรื่องความรักความสามัคคี การพัฒนาต่างๆมีเยอะไปหมด  อะไรที่สร้างแล้วทำให้เป็นภาระคนอื่น มันไม่ใช่ ลุงว่ามันเหนื่อย มันเป็นความทุกข์ที่เราต้องช่วยแก้ ซึ่งรัฐบาลพยายามทำอยู่แล้ว บางทีลุงก็ทำไม่ไหว ถ้าพวกเราไม่ช่วยกัน”  

พล.อ.ประยุทธ์ ยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องวางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อพัฒนาประเทศในระยะยาว โดยระบุว่า “ที่ลุงเขียนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไม่ใช่จะอยู่ 20 ปีแต่ 20 ปีเป็นสิ่งที่เราควรจะต้องทำ ให้รัฐบาลต่อไปทำต่อ ถ้าเขาเห็นว่าไม่ดีก็ ให้ปรับเปลี่ยน  ที่ลุงพูดมาทั้งหมด ลุงก็คาดหวังว่าถ้าลุงแก่กว่านี้ หรือลุงตายไปแล้ว ลุงก็จะกลับมาดู ไม่รู้เป็นวิญญาณจะกลับมาได้หรือไม่ เพราะพวกสายมู หมอดู หมอเดาเยอะไปหมด ก็ไม่เป็นอะไร นี่คือไทยๆของเรา เพราะฉะนั้น ต้องกลับมาดูของเรา นี่คือเยาวชนของชาติที่เป็นอนาคตและต้องการคนดี คือทำเพื่อคนอื่นและทำเพื่อเขาด้วย ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน อยู่ภายใต้กฎหมายที่เป็นธรรม มันเหมือนกันทุกคน ถ้าไม่ทำผิดก็ไม่โดน ก็ลงโทษไม่ได้ หากเราไม่เคารพกฎหมายต่างคนต่างไม่เคารพ มันก็ตีกันหมดนี่แหละ” 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า “ปัญหาคอร์รัปชั่นก็ปวดหัวและพยายามแก้ ถ้าสังเกตดูสมัยก่อนมีทำไมไม่ดังแบบนี้ ไม่มีแบบนี้ เพราะปัจจุบันมีโซเชียลมีเดีย ซึ่งก็ดี ลุงไม่เคยปิดกั้นอะไรเลย ทุกวันนี้ติดคุกกันเป็นแถว สมัยก่อนดูมันน้อยกว่านี้  สมัยลุงตู่ดูทำไมมันเยอะขึ้น ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงไปหมด วันนี้คนชั่วออกมาเยอะขึ้น และถูกดำเนินคดีหมด ถ้าบอกว่าแต่ก่อนไม่มี มันจะไม่มีได้อย่างไร มันมีมาตลอดแต่มันเงียบ แต่วันนี้มันดัง เพราะมีโซเชียลมีเดียและพวกเราช่วยดู ก็ลงโทษไปไม่เช่นนั้นมันรวนไปหมด ทั้งนี้ เรื่องประวัติศาสตร์ มีทั้งประวัติศาสตร์ที่ดีและไม่ดีที่ต้องเรียนรู้ เพราะอาจจะมีตรงที่ไม่ดี แต่อย่าไปทำอีก นำมาเป็นบทเรียน ไอ้พวกทรยศบ้านเมืองก็มี ไส้ศึกก็มี พวกนี้เขาสอนมาให้เป็นบทเรียน ฉะนั้นการสอนประวัติศาสตร์ต้องสอนแนวใหม่ ส่วนเรื่องมวยไทยของเรา ก็คือมวยไทยอย่าไปทะเลาะอะไรกับเขามาก ของเรามันสุดยอดอยู่แล้ว”

“ฝากทุกคนเป็นคนที่มีคุณภาพ มีคุณธรรมจริยธรรม และในบทบาทของการสนับสนุนสภาเด็กและเยาวชนให้ร่วมกันรณรงค์สร้างความเข้าใจ จัดกิจกรรมเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมเป็นสังคมเชิงบวก ถ้ายังเชิงลบแบบนี้ มันอยู่กันไม่ได้ ผมสะดวกแบบนี้ ไม่ได้เตรียมมาที่พูดมา ถือเป็นโอกาสที่ดี ได้เจอพวกเรา อย่าเพิ่งเบื่อลุง นานๆจะได้คุยกัน และลุงก็คุยคนเดียวอยู่ตอนนี้ นายกฯมีงานทั้งวัน ถ้าลุงไปเสียสมาธิกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ลุงทำงานไม่ได้  แต่วันนี้ดีใจได้พบคนในห้องนี้ ขอให้ช่วยกันสร้างเครือข่ายให้ลุง อะไรไม่ดีให้คิดและช่วยกันแก้ แต่ก่อนจะด่าว่าใครให้เปิดกรูเกิ้ลดูเสียก่อน ลุงก็ทันสมัยเหมือนกัน ครูกูเกิ้ลเปิดไปเจอหมด และ ให้อ่านอะไรของราชการนั่นคือสิ่งที่เป็นหลักการ ถ้าพูดอย่างเดียว สั่งอย่างเดียวมันทำไม่ได้ ต้องมีหลักการและมีแผน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกัน นั่นคือระบบบริหารของเรา” นายกฯ กล่าว นอกจากนี้ ยังย้ำถึงการไม่ก้าวล่วงอำนาจนิติบัญญัติและตุลาการ ไม่เช่นนั้นจะเกิดความวุ่นวาย และต่างฝ่ายต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการปาฐกถาครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ พยายามปรับการพูดของตัวเอง จากที่ผ่านมาจะแทนตัวเองว่านายกฯ แต่วันนี้แทนตัวเองว่า ‘ลุง’ ซึ่งนอกจากจะเป็นการมาพูดกับเยาวชนแล้ว ส่วนหนึ่งทางทีมงานและ พล.อ.ประยุทธ์ เองเกรงว่าจะติดปากในการแทนตัวเองว่า ‘นายกฯ’ ช่วงที่ลงพื้นที่หาเสียงแล้วจะผิดกฎหมายเลือกตั้ง

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์