ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2566 เผยสถิติอุบัติเหตุทางถนน ประจำวันที่ 3 มกราค 2566 ซึ่งเป็นวันที่ 6 ของการรณรงค์ ‘ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ’ พบว่า
- สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 38.49, ตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 24.27, ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 15.48
- ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 82.73 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 86.61, ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 48.12, ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 24.27
- ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 18.01-19.00 น. ร้อยละ 9.21
- ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 40 - 49 ปี ร้อยละ 16.79
ทั้งนี้ ได้มีการจัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,880 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 55,787 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 365,238 คัน, มีผู้ถูกดำเนินคดีรวม 54,629 ราย
จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (12 ครั้ง)
จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (12 คน)
จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา และ ภูเก็ต (จังหวัดละ 2 ราย)
สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 6 วัน ของการรณรงค์ (29 ธันวาคม 2565 – 3 มกราคม 2566)
จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุดได้แก่ นครศรีธรรมราช (76 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (81 คน)
จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย (13 ราย) กรุงเทพมหานคร และ ปทุมธานี (จังหวัดละ 11 ราย) จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 6 จังหวัด ได้แก่ นราธิวาส บึงกาฬ พังงา ยะลา สตูล และสุโขทัย
ขณะที่ โชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี ระบุว่า จากสถิติในช่วง 6 วันที่ผ่านมา พบว่า การขับเร็ว เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุทางถนน มีอัตราการบาดเจ็บ และเสียชีวิตสูง ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจึงได้กำชับจังหวัดและกรุงเทพมหานครเข้มงวดผู้ขับขี่ที่ขับรถด้วยความเร็วสูง เพื่อควบคุมการใช้ความเร็วที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรง อย่างไรก็ตาม คาดว่าเส้นทางสายหลักบางเส้นทางจะยังคงมีปริมาณการจราจรหนาแน่นในบางจุด จึงได้เน้นย้ำให้จังหวัดดูแลความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยการจราจรและดูแลความปลอดภัยแก่ประชาชนตลอดเส้นทาง
ด้าน บุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ระบุว่า วันนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ได้เดินทางกลับจากภูมิลำเนาและท่องเที่ยวแล้ว หลายเส้นทางเริ่มมีปริมาณรถน้อย โดยเฉพาะถนนสายหลักของจังหวัดใหญ่และเส้นทางจากภูมิภาคต่างๆ เข้าสู่กรุงเทพฯ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถใช้ความเร็วสูง จึงขอฝากผู้ขับขี่ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด ไม่ขับรถ ไม่ประมาท ไม่ขับรถด้วยความคึกคะนอง คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองและผู้ร่วมใช้เส้นทางเป็นหลัก เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุรุนแรง
- เกิดอุบัติเหตุ 239 ครั้ง
- ผู้บาดเจ็บ 259 คน
- ผู้เสียชีวิต 15 ราย
- สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 38.49, ตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 24.27, ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 15.48
- ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 82.73 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 86.61, ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 48.12, ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 24.27
- ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 18.01-19.00 น. ร้อยละ 9.21
- ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 40 - 49 ปี ร้อยละ 16.79
ทั้งนี้ ได้มีการจัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,880 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 55,787 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 365,238 คัน, มีผู้ถูกดำเนินคดีรวม 54,629 ราย
- มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 15,873 ราย
- ไม่มีใบขับขี่ 15,494 ราย
- ขับรถเร็วเกินกำหนด 7,384 ราย
จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (12 ครั้ง)
จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (12 คน)
จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา และ ภูเก็ต (จังหวัดละ 2 ราย)
สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 6 วัน ของการรณรงค์ (29 ธันวาคม 2565 – 3 มกราคม 2566)
- เกิดอุบัติเหตุรวม 2,201 ครั้ง
- ผู้บาดเจ็บรวม 2,197 คน
- ผู้เสียชีวิตรวม 282 ราย
จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุดได้แก่ นครศรีธรรมราช (76 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (81 คน)
จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย (13 ราย) กรุงเทพมหานคร และ ปทุมธานี (จังหวัดละ 11 ราย) จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 6 จังหวัด ได้แก่ นราธิวาส บึงกาฬ พังงา ยะลา สตูล และสุโขทัย
ขณะที่ โชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี ระบุว่า จากสถิติในช่วง 6 วันที่ผ่านมา พบว่า การขับเร็ว เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุทางถนน มีอัตราการบาดเจ็บ และเสียชีวิตสูง ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจึงได้กำชับจังหวัดและกรุงเทพมหานครเข้มงวดผู้ขับขี่ที่ขับรถด้วยความเร็วสูง เพื่อควบคุมการใช้ความเร็วที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรง อย่างไรก็ตาม คาดว่าเส้นทางสายหลักบางเส้นทางจะยังคงมีปริมาณการจราจรหนาแน่นในบางจุด จึงได้เน้นย้ำให้จังหวัดดูแลความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยการจราจรและดูแลความปลอดภัยแก่ประชาชนตลอดเส้นทาง
ด้าน บุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ระบุว่า วันนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ได้เดินทางกลับจากภูมิลำเนาและท่องเที่ยวแล้ว หลายเส้นทางเริ่มมีปริมาณรถน้อย โดยเฉพาะถนนสายหลักของจังหวัดใหญ่และเส้นทางจากภูมิภาคต่างๆ เข้าสู่กรุงเทพฯ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถใช้ความเร็วสูง จึงขอฝากผู้ขับขี่ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด ไม่ขับรถ ไม่ประมาท ไม่ขับรถด้วยความคึกคะนอง คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองและผู้ร่วมใช้เส้นทางเป็นหลัก เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุรุนแรง