‘สารหนู’ ในแม่น้ำกก ‘มลพิษข้ามแดน’ ที่ยังไร้ทางออก

23 พ.ค. 2568 - 06:23

  • วิกฤตแม่น้ำกก! ‘ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ’ ลั่นต้อง ‘หยุดทำเหมือง’ ปัญหาถึงจะคลี่คลาย แนะภาครัฐเดินหน้าเชิงรุก

  • ‘นักวิชาการ มช.’ ย้ำต้องเร่งแก้ไข พร้อมชี้ ‘สร้างฝายดักตะกอน’ ต้องประเมินตามหลักวิชาการก่อนว่าคุ้มค่าหรือไม่

  • ‘ผอ.สคพ.1’ ยันคุณภาพน้ำประปาใน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และ อ.เมือง จ.เชียงราย ‘ยังอยู่ในเกณฑ์ที่บริโภคได้’

‘สารหนู’ ในแม่น้ำกก ‘มลพิษข้ามแดน’ ที่ยังไร้ทางออก

ปัญหา ‘แม่น้ำกก’ พบการปนเปื้อนโลหะหนัก หรือ ‘สารหนู’ ในตอนนี้ยังถือว่าเป็นปัญหาที่ยังไร้ทางออก เนื่องจากต้นน้ำอยู่ในประเทศเมียนมา ซึ่งการทำเหมืองทองก็ยังคงดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง สำหรับแม่น้ำกกนั้นจะไหลเข้ามายังประทศไทยที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ต่อมาจะไหลเข้าสู่จังหวัดเชียงราย ก่อนจะไหลลงสู่แม่น้ำโขง


‘แม่น้ำกก’ จึงถือเป็นหนึ่งในแม่น้ำที่มีความสำคัญอีกสายหนึ่งของชาวจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงราย ที่เกี่ยวโยงกับวิถีชีวิตของชาวบ้านมานาน ส่งผลให้เริ่มมีความกังวลถึงปัญหาที่จะตามมาในระยะยาว ทั้งการอุปโภคบริโภค การทำประมง การเกษตร ฯลฯ


Arsenic-in-Kok-River-Transboundary-pollution-SPACEBAR-Photo12.jpg

‘ครูตี๋’ หรือ นิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ ให้ข้อมูลว่า ตอนนี้น่าเป็นห่วงว่าวิถีชีวิตของคนริมฝั่งแม่น้ำกกจะเป็นอยู่อย่างไรต่อไป ในขณะเดียวกันก็ยังมีประชาชนยังที่คิดว่าปัญหาดังกล่าวยังไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว มองว่าปัญหานี้เป็นสิ่งที่ร้ายแรงเป็นอย่างมาก เป็นปัญหามลพิษข้ามพรมแดน ที่กระทบกับการใช้ชีวิตของประชาชนเป็นอย่างมาก


ปัญหานี้ต้องแก้ที่ต้นตอ คือ ต้องหยุดทำเหมืองทองบริเวณต้นน้ำในประเทศเมียนมาเท่านั้น สำหรับผู้ที่จะเข้าไปเจรจา พูดคุย และจัดการกับปัญหานี้ได้ ต้องเป็นรัฐบาลเท่านั้น เพราะเป็นเรื่องระหว่างประเทศ เพียงแค่อำนาจหน้าที่ของจังหวัดเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ รัฐบาลต้องทำทุกวิถีทางในการแก้ไขปัญหานี้ให้ได้ เพราะในทุกวันที่เหมืองทองดำเนินการอยู่ ก็เท่ากับว่าสารพิษตกค้างในแม่น้ำกกก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ภาครัฐต้องคำนึงว่าสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตประชาชน และความมั่นคง ดังนั้นควรเร่งดำเนินการให้เร็ว

นิวัฒน์ ร้อยแก้ว


นิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ
นิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ


การแก้ที่ยั่งยืนคือ การหยุดการทำเหมืองแร่ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำโขง ที่มีการปนเปื้อนสารหนูแบบนี้ เรื่องราวที่เกิดขึ้นมันเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนมาก รัฐบาลต้องเร่งเข้ามาจัดการแบบเชิงรุกได้แล้ว การตั้งรับอย่างเดียวไม่เป็นผลดีกับไทยเลย ต้องเข้าไปพูดคุยหากไม่สำเร็จก็ต้องกดดัน

นิวัฒน์ ร้อยแก้ว

ส่วนที่ว่าจะมีการสร้างเขื่อน หรือ ฝาย ที่เป็นการสกัดสารพิษ, ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ บอกว่า ไม่แน่ใจว่าจะสามารถทำได้จริงหรือไม่ ในทางปฏิบัติจะกรองได้จริงหรือ ใช้เวลาสร้างเท่าไหร่ ผลกระทบจากการสร้างจะมีเพิ่มอีกไหมจะเพิ่มปัญหาอีกหรือไม่ และหากเกิดน้ำท่วมขึ้นมาปัญหามันจะรุนแรงมากขึ้นอีกไหม รัฐบาลต้องให้คำถามที่ชัดเจนกับประชาชน


วันที่ 24 พฤษภาคมนี้ จะรวมตัวออกมาพูด ออกมาแสดงความห่วงใยต่อชีวิตและแม่น้ำของเรา หวังหยุดเหมืองฟื้นฟูแม่น้ำ ก่อนจะมีการรวมตัวใหญ่อีกครั้ง ในวันที่ 5 มิถุนายนนี้

นิวัฒน์ ร้อยแก้ว


รศ.ชูโชค อายุพงศ์ หัวหน้าศูนย์วิชาการสนับสนุนด้านการบริหารจัดการน้ำ ม.เชียงใหม่
รศ.ชูโชค อายุพงศ์ หัวหน้าศูนย์วิชาการสนับสนุนด้านการบริหารจัดการน้ำ ม.เชียงใหม่

ขณะที่ รศ.ชูโชค อายุพงศ์ หัวหน้าศูนย์วิชาการสนับสนุนด้านการบริหารจัดการน้ำ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุว่า การทำเหมืองบริเวณต้นน้ำกกนั้น อยู่ในพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง มีการสู้รบ อาจจะทำให้ระบบบำบัดไม่ได้มาตรฐาน ส่งผลให้มีสารพิษไหลมาตามแม่น้ำ ซึ่งปัจจุบันนี้แม่น้ำกก “เข้าสู่ภาวะวิกฤตแล้ว”


รัฐบาลต้องเดินหน้าแก้ไขอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งดำเนินการภายในประเทศ การจัดการพูดคุยเพื่อนบ้านอย่างเมียนมา หรือ กลุ่มกองกำลังที่คุมพื้นที่นั้นอยู่ รวมทั้งประเทศจีนที่ได้รับผลประโยชน์จากการทำเหมืองอย่างน้อยที่สุดหากจะดำเนินการต่อ ก็ต้องให้มีมาตรฐานสากล และมีการจัดการบำบัดน้ำให้ปลอดภัยก่อนปล่อยคืนสู่แม่น้ำ

รศ.ชูโชค อายุพงศ์


Arsenic-in-Kok-River-Transboundary-pollution-SPACEBAR-Photo07.jpg


วันนี้ รัฐบาลต้องเร่งประเมินสถานการณ์ ระยะสั้น กลาง ยาว เอาไว้แล้ว หากไม่ทำอะไร ปล่อยปัญหาไว้นาน จะเหลือเพียงประชาชนที่รอรับชะตากรรมกับปัญหาที่จะตามมาในทุก ๆ ด้าน ในส่วนของการทำฝายดักตะกอน ต้องทำการประเมินตามหลักวิชาการก่อนว่าคุ้มค่าหรือไม่ สามารถดักได้มากเพียงใด

รศ.ชูโชค อายุพงศ์


อาวีระ ภัคมาตร์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่)
อาวีระ ภัคมาตร์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่)

อาวีระ ภัคมาตร์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการตรวจหาสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก จากการที่พบว่า แม่น้ำกกมีความขุ่นผิดปกติและพบสารปนเปื้อน ไม่เป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพน้ำและตะกอนดินในแหล่งน้ำผิวดิน


ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ประชุมหารือเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำกกในเขตพื้นที่อำเภอแม่อาย และมอบหมายให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) ตรวจติดตามผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำผิวดินของแม่น้ำกกและลำน้ำสาขาที่ไหลลงสู่แม่น้ำกกอย่างต่อเนื่อง


Arsenic-in-Kok-River-Transboundary-pollution-SPACEBAR-Photo08.jpg

สำหรับผลจากการลงพื้นที่ตรวจติดตามและเก็บตัวอย่างน้ำผิวดินที่มีความเสี่ยง จำนวน 12 จุด ตลอดลำน้ำกกที่ไหลผ่านพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ไปยังเขตพื้นที่จังหวัดเชียงราย ระยะทางประมาณ 157 กิโลเมตร ในช่วงระหว่างวันที่ 21-24 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา แล้วนำมาวิเคราะห์คุณภาพน้ำเพื่อหาสารปนเปื้อนที่เป็นโลหะหนัก


ผลปรากฏว่า พบสารปนเปื้อนที่เป็นโลหะหนักเกินค่ามาตรฐาน คือ สารหนู จำนวน 9 จุด จากทั้งหมด 12 จุด ที่ตรวจสอบ โดยพบในพื้นที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 3 จุด และพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย จำนวน 6 จุด


Arsenic-in-Kok-River-Transboundary-pollution-SPACEBAR-Photo01.jpg

ในส่วนของมาตรการแก้ไขปัญหา ภายหลังจากการตรวจพบสารปนเปื้อน, ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงราย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจแหล่งน้ำรอบข้างริมน้ำกกว่า มีแหล่งกำเนิดมลพิษทางน้ำเพิ่มเติมหรือไม่ ทั้งจากโรงงานต่างๆ พื้นที่เกษตรแปลงใหญ่ที่ใช้สารเคมีจำนวนมาก รวมถึงเหมืองแร่และบ่อกำจัดของเสีย


ซึ่งปรากฏว่า ในเขตพื้นที่ประเทศไทยที่ติดอยู่กับชายแดนพม่า ทั้งเชียงใหม่และเชียงราย ไม่พบแหล่งที่ปล่อยสารปนเปื้อนที่เป็นโลหะหนักลงสู่แหล่งน้ำแต่อย่างใด


Arsenic-in-Kok-River-Transboundary-pollution-SPACEBAR-Photo13.jpg

ดังนั้น จึงสันนิษฐานได้ว่า สารปนเปื้อนเหล่านี้น่าจะมาจากนอกราชอาณาจักรไทย คือ อาจจะมาจากการทำเหมืองแร่ในประเทศพม่า


และล่าสุด ได้เจรจาแก้ปัญหากันในระดับพื้นที่ร่วมกันของผู้ใช้น้ำ ในขณะที่ระดับประเทศ ทางรัฐบาลเตรียมส่งทีมเจ้าหน้าที่เข้าไปเจรจาร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านให้มีการบริหารจัดการบ่อเหมืองแร่ให้ถูกต้องตามหลักวิชาการเพื่อลดผลกระทบ


เรื่องของการใช้น้ำประปา การลงน้ำ รวมถึงการบริโภคสัตว์น้ำตามแหล่งน้ำต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำกก เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปทำการตรวจสอบคุณภาพน้ำประปาแล้ว ทั้งในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงราย พบว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย สามารถใช้ในการอุปโภคและบริโภคได้

อาวีระ ภัคมาตร์ ผอ.สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่)


Arsenic-in-Kok-River-Transboundary-pollution-SPACEBAR-Photo14.jpg


ส่วนที่พบปลาตายในพื้นที่จังหวัดเชียงราย สำนักงานประมงจังหวัดเชียงรายได้เข้าไปตรวจสอบแล้ว พบว่า ปลาที่ตายเกิดจากการ “ติดเชื้อไวรัส” เมื่อนำชิ้นเนื้อมาตรวจหาสารปนเปื้อนแล้ว “ไม่พบโลหะหนัก” ไม่ว่าจะเป็น “สารหนู” หรือ “สารปรอท” จึงสามารถบริโภคสัตว์น้ำได้ปกติ แต่ต้องทำให้สุกก่อนทุกครั้ง

อาวีระ ภัคมาตร์ ผอ.สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่)


Arsenic-in-Kok-River-Transboundary-pollution-SPACEBAR-Photo10.jpg


Arsenic-in-Kok-River-Transboundary-pollution-SPACEBAR-Photo03.jpg


Arsenic-in-Kok-River-Transboundary-pollution-SPACEBAR-Photo04.jpg


Arsenic-in-Kok-River-Transboundary-pollution-SPACEBAR-Photo02.jpg


Arsenic-in-Kok-River-Transboundary-pollution-SPACEBAR-Photo V01.jpg
Arsenic-in-Kok-River-Transboundary-pollution-SPACEBAR-Photo V02.jpg
Arsenic-in-Kok-River-Transboundary-pollution-SPACEBAR-Photo05.jpg


Arsenic-in-Kok-River-Transboundary-pollution-SPACEBAR-Photo06.jpg
Arsenic-in-Kok-River-Transboundary-pollution-SPACEBAR-Photo09.jpg
Arsenic-in-Kok-River-Transboundary-pollution-SPACEBAR-Photo11.jpg



เรื่องเด่นประจำสัปดาห์