แตกหัก! ‘บิ๊กโจ๊ก’ ส่งทนายฟ้อง ‘บิ๊กเต่า’ จ่อแฉเส้นทางเงิน เชื่องานนี้มีสะเทือน!

13 มีนาคม 2567 - 11:18

Big Joke-sends-lawyer-to-sue-Big Tao-for-defamation-Revealing-the-money-trail-SPACEBAR-Hero.jpg
  • ‘บิ๊กโจ๊ก’ ส่งทนายฟ้อง ‘บิ๊กเต่า’ ข้อหาหมิ่นประมาท หลังไปให้ความเห็นในสำนวนผ่านสื่อ

  • เตรียมแถลงเปิดเส้นทางเงินทั้งหมดไปถึงใครบ้าง เชื่องานนี้มีสะเทือนวงการ

วันที่ 13  มีนาคม 2567 ณัฐกร โตสกุล ทนายผู้รับมอบอำนาจจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล (บิ๊กโจ๊ก) รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) เดินทางไปที่ศาลอาญากรุงเทพฯใต้ ถนนเจริญกรุง เพื่อนำเอกสารไปยื่นฟ้อง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว (บิ๊กเต่า) รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา 

ทนายณัฐกร กล่าวว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 21 และ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และให้สัมภาษณ์ในรายการกรรมกรข่าว โดยมีการนำข้อมูลที่อยู่ในสำนวนคดีเว็บพนันของ สน.ทุ่งมหาเมฆ และ สน.เตาปูน ไปเปิดเผย 

ซึ่งข้อความดังกล่าวมีลักษณะเกินเลยความเป็นจริง ทำให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้รับความเสียหาย จึงได้มอบหมายให้ตนในฐานะทีมทนายความนำเรื่องมายื่นฟ้องต่อศาล ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ฟ้อง 2 กรรม ซึ่งฝ่ายกฎหมายได้พิจารณาดูแล้วถ้อยคำดังกล่าวเป็นการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา

ในส่วนของสำนวนของ สน.เตาปูน และพื้นที่อื่นๆ ความจริงแล้วเป็นเรื่องเดียวกันทั้งหมด ที่มาจากเส้นทางการเงิน ซึ่งทีมทนายความได้มีการแถลงข่าวไปเมื่อวาน (12 มีนาคม 2567) แล้ว โดยในส่วนที่มีการแถลงข่าวว่า ศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอออกหมายจับโดยไม่ได้ขอให้ออกหมายเรียก ทีมทนายความได้รับการยืนยันข้อมูลมาจากแหล่งข่าวจึงมีการแถลงต่อสื่อไป ส่วนเรื่องการคัดคำสั่งศาลกำลังดำเนินการ

ทนายณัฐกร กล่าวต่อว่า ส่วนหากมีการออกหมายเรียก ตนเองมองว่าเมื่อศาลไม่มีการออกหมายจับ หมายเรียกก็เป็นอำนาจของพนักงานสอบสวน ซึ่งหากพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คิดว่ามีอำนาจในการออกหมายเรียก ก็สามารถออกได้ ตามอำนาจหน้าที่ แต่ตนคิดว่าพนักงานสอบสวนของตำรวจไม่มีอำนาจแล้ว เนื่องจากเป็นอำนาจของ ป.ป.ช. ซึ่งหากมีการออกหมายเรียกก็จะต้องโต้แย้งไป เพราะอำนาจหน้าที่ใครก็เป็นอำนาจหน้าที่มัน

“โดยข้อกฎหมาย ตาม พ.ร.บ. ป.ป.ช. ที่ได้มีการแถลงข่าวไปเมื่อวันที่ 12 มี.ค. ตามมาตรา 30 ประกอบมาตรา 28 ตรงนี้มีความชัดเจน และเส้นทางการเงิน พบเส้นทางการเงิน เส้นเดียว เป็นเรื่องเดียวกันหมด ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของสนเตาปูน และ สน.ทุ่งมหาเมฆ มาจากเส้นเงินเส้นเดียว ซึ่งที่มีการขอออกหมายจับเมื่อวาน เป็นเรื่องของการฟอกเงิน แต่เมื่อเส้นทางการเงินมาเส้นเดียว คดีจึงอยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช. ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” 

ส่วน พ.ต.ท.คริส ที่เป็นคนทำการเงินให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีการบันทึกเอกสาร ข้อเท็จจริงทุกอย่างไว้ เป็นหลักฐาน ว่า มีเงินเข้าเงินออกอย่างไร และเงินไปที่ไหน จึงกล้ายืนยัน ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็ได้รับข้อมูลเช่นกัน และอาจทราบข้อมูลดีกว่าทีมทนายด้วยซ้ำ 

“ตนยืนยันว่า เส้นทางการเงินมีเส้นเดียว และแตกออกมาเป็นกลุ่มๆ แต่การสอบสวนของพนักงานสอบสวน ตนก็ไม่ทราบว่า จะมุ่งเน้นเฉพาะเส้นทางการเงินที่มาจาก ‘บิ๊กโจ๊ก’ เส้นเดียวหรือไม่ ความจริงมีเส้นเงินไปสายอื่น ที่เงินไปถึงแต่ได้ทำการสอบสวนหรือไม่ ส่วนหากมีการออกหมายเรียกมาทีมทนายความ ก็ไม่ได้แนะนำว่าไม่ต้องไป แต่แค่แจ้งว่าไม่น่าจะถูกต้อง แต่ในทางปฏิบัติค่อยว่ากันอีกที ตนมองว่าเรื่องเส้นทางการเงิน เป็นเรื่องเดียวกันทั้งหมด”

ทนายณัฐกร ยังกล่าวอีกว่า กังวลว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากเป็นเรื่องภายในของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถ้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบเอง อาจไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ ป.ป.ช.เป็นองค์กรอิสระ ก็จะให้ความเป็นธรรมกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ได้ดีกว่า

ทั้งนี้ ถ้าหาก **ป.ป.ช.**ไต่สวนแล้ว มีความเห็นให้อัยการสั่งฟ้อง คดีก็ยังถูกฟ้องอยู่ดี ส่วนรายต่อไปจะฟ้องใครหรือไม่นั้น ถ้าหากที่ผ่านมา มีการทำให้เกิดความเสียหายกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ทีมทนายความก็ได้รับมอบหมาย ให้เข้าไปดูทุกเรื่อง ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ว่าจะฟ้องใครเพิ่ม

ทนายณัฐกร กล่าวย้ำว่า เรื่องเส้นทางการเงิน เร็วๆ นี้จะมีการแถลงข่าวให้สื่อมวลชนทราบ อาจเป็นทีมทนายความแถลงรายละเอียดถึงเส้นทางการเงินทั้งหมด ซึ่งความจริงเส้นทางการเงิน ที่มาทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีจำนวนไม่มาก เท่ากับเส้นทางการเงินที่ไปทางอื่น ซึ่งควรต้องโดนสอบเช่นกัน เรื่องเส้นทางการเงินไปที่ไหนเป็นเรื่องที่ประชาชนควรรับทราบ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เคยพูดว่า ถ้าแฉออกมาตายหมู่จริงหรือไม่ ทนายณัฐกร พยักหน้าพร้อมกล่าวว่า “ประมาณนั้น”

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์