พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยื่นหนังสือถึงประธานรัฐสภา เพื่อถอดถอนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา มอบหมายให้คัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร และมุข สุไลมาน เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้รับหนังสือแทน
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การยื่นตรวจสอบ ป.ป.ช.วันนี้ เป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่แสดงถึงพลังของประชาชน นับตั้งแต่มีการร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญปี 2560 ซึ่งครั้งแรกที่มีการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญในการยื่นถอดถอนกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐ องค์กรอิสระ ถือเป็นเป็นมิติใหม่ของประเทศไทย ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีแต่ประชาชนยื่นแก้ไขกฎหมายต่างๆ แต่ยังไม่เคยมีการรวบรวมรายชื่อแสดงพลังถอดถอนองค์กรอิสระ วันนี้ประเทศไทยภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย ประชาชนถือเป็นพลังสำคัญที่จะนำมาซึ่งกระบวนการต่างๆ ในการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของรัฐและเจ้าหน้าที่องค์กรอิสระที่ปฏิบัติหน้าที่หรือมีพฤติกรรมอันควรสงสัยว่าปฎิบัติหน้าที่โดยความมิชอบ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตนเองและประชาชนจะรวบรวมรายชื่อเพื่อยื่นตรวจสอบกล่าวหากระบวนการถอดถอนเจ้าหน้าที่องค์กรอิสระกรรมการท่านหนึ่ง ของ ป.ป.ช.ที่มีพฤติการณ์ชวนสงสัยว่า ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ร่ำรวยผิดปกติ และฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับเจ้าหน้าที่องค์กรอิสระอีกมากมายในการปฎิบัติหน้าที่ที่ต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนทุกคนโดยขั้นต่อจากนี้ โดยจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ในการรวบรวมรายชื่อ ตามมาตรา 236 ที่ระบุไว้ว่า กรณีมีเจ้าหน้าที่องค์กรอิสระมีพฤติการณ์ชวนสงสัยว่าปฎิบัติหน้าที่โดยทุจริต ประชาชนสามารถยื่นรายชื่อไม่น้อยกว่า 20,000 คน เพื่อให้มีการยื่นต่อประธานรัฐสภา เพื่อเสนอต่อประธานศาลฎีกาและตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาไต่สวนต่อไป เนื่องจากขณะนี้ประชาชนมีการส่งข้อมูลเข้ามาให้ตนอย่างต่อเนื่อง และมีหลายคนติดต่อมาเพื่อร่วมลงชื่อ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จะเปิดจุดแรกให้ประชาชนลงชื่อที่จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นบ้านเกิดของตนเอง พรุ่งนี้เป็นวันแรก ต่อด้วยจังหวัดพัทลุง นครศรีธรรมราช เชียงใหม่ อุดรธานี ชลบุรีและขอนแก่น ตามลำดับ รวมถึงช่องทางออนไลน์ ที่ใช้ชื่อว่า ‘hakparn.com’ ปฏิบัติการกวาดบ้านให้ ป.ป.ช.
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันว่า ไม่มีความขัดแย้งส่วนตัว พร้อมย้ำด้วยว่า ไม่มีอะไรเหนือกว่าพลังประชาชนเท่านั้น ที่จะปฏิรูปองค์กรอิสระได้ และย้ำว่า ไม่ห่วงอะไร ห่วงแค่ว่าประชาชนจะร่วมลงชื่อเกิน 20,000 รายชื่อ

“ผมเป็นห่วงอย่างเดียวว่า พอผมมาเปิด ประเด็นวันนี้ ผมก็ไม่รู้ว่า เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.จะไปเยาวราชช่วงเย็นหรือเปล่า ไปซื้อประทัด ผมก็กลัววันนี้ประทัดจะหมดเยาวราช ผมก็ไม่รู้ว่า เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.จะไปซื้อประทัดหมดเยาวราชหรือเปล่า”
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว
ส่วนจะลงสมัครเลือกสว.หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ขอพิจารณาก่อน เพราะการสมัครเลือก สว. ต้องไม่ใช่ข้าราชการ แต่ตอนนี้ตนเองมีสถานะยังเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอยู่ เพียงแต่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้มอบหมายงานให้กับตนเองเท่านั้น เมื่อถามว่า สว.คู่แข่งน่าจะเยอะ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวดูอีกที พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังย้ำหลักคิดการทำงานง่ายๆ ว่า ตัวเองอยู่ที่ไหน ก็ทุ่มเททำงาน ให้กับประชาชน แก้ไขปัญหาความทุกข์ ความไม่เป็นธรรมให้กับประชาชนได้มาก ที่สุด ก็จะเอาตรงนั้น

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณียกฟ้องเจ้าหน้าที่ที่บุกค้นบ้านว่า จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อกรณีที่ตนเองได้ยื่นร้อง ต่อ สตช. และ ป.ป.ช.หรือไม่ว่า ไม่ทราบว่าลูกน้องไปยื่นฟ้องอย่างไร แต่สำหรับตนเองยังไม่ได้ยื่นฟ้องอะไรทั้งสิ้น มีเพียงการยื่นต่อ ป.ป.ช.ซึ่งเป็นคนละส่วนกันและก็เป็นคนละเรื่องกับการกลับคืนสู่ตำแหน่ง เพราะการกลับคืนสู่ตำแหน่งเป็นเรื่องคำสั่งทางปกครอง ส่วนการฟ้องร้องการเป็นเรื่องทางอาญา และใช้กฎหมายคนละฉบับ
ส่วนความมั่นใจที่จะกลับเข้าไปสู่ตำแหน่งนั้น ขอยังไม่ตอบ เพราะขณะนี้อยู่ในกระบวนการทั้งหมดแล้ว ขณะที่การคัดเลือกผบ.ตร.ที่ใกล้จะมาถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชา

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าทั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล (บิ๊กต่อ) และบิ๊กโจ๊กจะกลับไปรับตำแหน่งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น ก็เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชาทั้งหมด ต้องถามนายกรัฐมนตรีในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในส่วนของตนเอง ยังคงทำหน้าที่ตามปกติอะไรที่ทำให้ประชาชนได้ก็ทำ