‘สาวหวานใจบิ๊กเนม’ คดีรุกที่ส.ป.ก. คิวต่อไป!

30 พ.ย. 2567 - 09:04

  • ‘บิ๊กเต่า’ บอกคิวต่อไปคดีรุกที่ส.ป.ก. ‘สาวหวานใจคนสนิทบิ๊กเนมการเมือง’ ลุ้นหมายเรียกหรือหมายจับ หลังพบเส้นเงิน 10 ล้าน เอี่ยวรีสอร์ทรุกที่ดิน ลั่น ไม่กังวลสาวถึงใครโดนหมด ผิดว่าไปตามผิด แย้มอยู่กลุ่มใกล้ชิด ‘สามารถ’

  • เล็งแจ้งอีกหลายข้อกล่าวหา ‘สามารถ’หลังพบเส้นทางการเงิน 100 กว่าล้านในบัญชี เอี่ยว ‘บอสดิไอคอน-รีดไถ่ผู้ประกอบการ’ พบเงินในบัญชีเป็นเงินเล่นพนันบอล ยันตำรวจไม่กลั่นแกล้ง แต่มีหลักฐานชัด ไม่ต้องอดข้าวประท้วง

bigtao_30nov2024_SPACEBAR_Hero_6d494b7d57.jpg

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รองผบ.ช.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระแสข่าวหวานใจอดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่มีเส้นเงินเกี่ยวข้องกับรีสอร์ทรุกที่ดิน ส.ป.ก.ในส่วนของตำรวจสอบสวนกลางจะเข้าไปดูในเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ ว่า เรื่องนี้ตำรวจได้ทำร่วมกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) และ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)รวมถึง ธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษารมว.เกษตรและสหกรณ์ ที่ไปสืบสวนกรณีไร่ภูนับดาว ซึ่งไปตรวจสอบดูแล้วพบว่า มีการทุจริตในหน้าที่จริง ในการออกเอกสารสิทธิ์โดยทุจริต ของข้าราชการระดับรองผู้ว่าราชการจังหวัด และเจ้าหน้าที่สำนักงานสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) จึงจะเริ่มตรวจสอบและดำเนินคดี นอกจากนี้ยังทราบว่าบริษัทที่เราตรวจสอบ มีเส้นเงินไปถึงบุคคลใกล้ชิดของผู้ใหญ่ในพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ประมาณ 10 ล้านบาท 

เมื่อถามย้ำว่า เส้นเงินจำนวน 10 ล้านบาทนี้ เชื่อมไปที่หวานใจหรือไปถึงอดีตรองนายกรัฐมนตรี พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เส้นเงินนี้เชื่อมไปถึงบุคคลใกล้ชิด ที่เรียกว่า หวานใจ

ส่วนสัปดาห์หน้าจะมีเซอร์ไพรส์ใหญ่หรือไม่กับเส้นเงินเส้นนี้  พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ขอคุยกับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องนี้ก่อน เพราะเท่าที่ทราบก็ประมาณนี้ และกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่สนิทสนมกับสามารถ​ เจน​ชัย​จิตร​ว​นิช​ อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ​ (พปชร.) หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ  กล่าวว่า ก็เป็นกลุ่มคนใกล้ชิดกัน 

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ไม่กังวลและไม่ห่วงในการทำคดี แม้ชื่อที่เชื่อมไปถึงเป็นระดับบิ๊กเนม เพราะเป็นเรื่องหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และเรื่องของข้อกฎหมายไปถึงใครก็ต้องโดนหมด

“ถึงใครก็โดนหมดขอยืนยัน มันมาถึงขนาดนี้ เรากล้าเข้าไปทำงาน หากไม่ทำต่อ ประเทศไทยคงอยู่ยาก คนผิดว่าไปตามผิด คนถูกว่าไปตามถูก สังคมจะน่าอยู่มากขึ้น”

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว

เมื่อถามอีกว่าเส้นเงินจำนวน 10 ล้านบาทนี้ไปหยุดอยู่แค่หวานใจคนสนิท หรือ มีไปถึงผู้ใหญ่ท่านนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เดี๋ยวจะต้องออกหมายเรียกมาสอบสวน หรือออกหมายจับ หรือออกหมายจับเพื่อให้มาชี้แจงว่าเส้นเงินนี้ เป็นเงินเกี่ยวกับเรื่องอะไร เพราะจากการตรวจสอบจะมีการโอนไปครั้งละ 2 ล้านบาท จนครบจำนวน 10 ล้านบาท

ส่วนหมายจับหรือหมายเรียกหวานใจคนสนิทจะใช้เวลานานหรือไม่นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ยังไม่แน่ใจ เพราะเพิ่งจะรู้เพียงคร่าวๆ แต่ในรายละเอียดสำนวนการสอบสวน ขอเวลาเจ้าหน้าที่ทำงานนิดนึง

ทั้งนี้ ชื่อที่ปรากฏอาจจะถูกวิจารณ์ว่า มีเรื่องนัยยะทางการเมือง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เป็นไปได้หมด เพราะตอนที่เงินไหลออกไป เป็นช่วงที่พรรคการเมืองที่มีชื่อบุคคลท่านนี้กำลังมีอำนาจ แต่ยืนยันไม่ใช่การกลั่นแกล้ง หรือทำร้ายกัน แต่เป็นเรื่องของการตรวจสอบและขยายผลออกไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะช่วงนั้นตำรวจก็จับกรณี ส.ป.ก. หลายที่ เรื่องนี้ก็เป็นส่วนหนึ่ง มันถึงใคร ใครทำไว้ก็ต้องรับกรรมอันนั้น

รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รองผบ.ช.ก.) ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มกับ สามารถ​ ว่า​ จากการตรวจสอบยอดเงิน 100 กว่าล้านในบัญชี​  มีการแตกไปในหลายเส้นทางการเงิน และเมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา เราพบร่องรอยการโอนเงินเข้าบัญชีของนายสามารถ ประมาณ 500,000 บาท​ จึงเรียกเป้าหมายคนดังกล่าวมาพูดคุย​ พร้อมนำหลักฐานมาแสดง​ ซึ่งเข้าข่ายกรรโชกทรัพย์​จึงน่าจะมีการแจ้งข้อหานี้กับสามารถอีกหนึ่งคดี​

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า เรื่องที่​ 2 บุคคลใกล้ชิดสามารถ​ ที่มีการเรียกเข้ามาสอบปากคำ​ ให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี ได้บอกถึงเส้นเงิน ที่ตัวเขาเป็นคนถือบัญชี​ ซึ่งนายสามารถอ้างว่า เป็นเงินใช้หนี้ และให้โอนเข้ามาในบัญชีนี้​ และพบว่ามีการโอนเงินเข้ามา 2 ส่วน​ คือ​ บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป แต่ไม่ใช่จาก วรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอ​ล​ แต่เป็นหนึ่งในบอสของ ดิไอคอน ประมาณ 3 ล้านบาท​ โดยต้องตรวจสอบว่า เป็นการโอนเข้ามา เพราะบอสพอล​ เป็นคนสั่งการหรือไม่ ซึ่งหากพิจารณาแล้วเป็นการเรียกรับ​ ตำรวจสอบสวนกลางจะเป็นคนสอบเอง​ แต่หากพบว่าโอนเข้ามาจากบริษัท ดิไอคอน จะเข้าข่ายคดีฟอกเงินเพิ่มอีก​หนึ่งคดี​ ตอนนี้ได้ประสานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อที่จะสอบปากคำพยานคนดังกล่าวในสัปดาห์หน้า​ ส่วนเงินในบัญชีอีกส่วนเป็นการโอนเข้ามาของผู้ประกอบการที่ถูกรีดไถ​ จำนวน 500,000 บาท ซึ่งมีการแจงความไว้แล้ว​ 

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า​ ส่วนอื่นๆ ที่เราได้มีการตรวจสอบ พบว่าเกิดเหตุในลักษณะนี้ กับอีกหลายคนและอีกหลายส่วน และบางส่วนยังไม่ให้ความร่วมมือ​ เราจึงพยายามพูดคุย​ และพบว่าเกี่ยวข้องกับคนในหลายแวดวง ทางข้าราชการ หรือแม้แต่บุคคลที่บริษัท ดิไอคอน จ้างงาน ซึ่งมีเส้นเงินเชื่อมโยง ดังนั้น​ ต้องมีการตรวจสอบบัญชีอีกหลายส่วน​  ทั้งนี้ เส้นเงินที่เราแตกออกไปหลายส่วนนั้น อยู่ในจำนวน 100 กว่าล้านบาท ซึ่งเงินบางส่วนเราเห็นแล้วว่าน่าจะเป็นเงินที่มาจากการเล่นพนัน​บอล ซึ่งพบจากคนใกล้ชิด ประมาณ 30 ล้านบาทและเสียไปประมาณ 50 ล้านบาท​ ซึ่งยังเหลืออีก 50-60 ล้านบาท ที่ต้องตรวจสอบที่มาที่ไป​ ดังนั้น​ตำรวจสอบสวนกลางต้องตรวจสอบให้ละเอียด​ ว่าเส้นเงิน ไปถึงใครบ้าง เพื่อพยายามที่จะเรียกบุคคลนั้นๆเข้ามาสอบปากคำ​ และยืนยันว่าจะดำเนินคดีในทุกเรื่อง

เมื่อถามถึงที่สามารถ​ระบุว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการถูกดำเนินคดี และมีการอดข้าวประท้วง​  พล.ต.ต.จรูญเกียรติ​ กล่าวว่า​ เราไม่อยากให้มีการอดอาหารประท้วง และยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ทำไปตามพยานหลักฐาน ไม่ได้กลั่นแกล้ง การตรวจสอบเส้นเงินเป็นวิทยาศาสตร์ และผู้เสียหายก็มีอยู่จริง 

“สามารถ​ต้องยอมรับสภาพว่า สิ่งที่จะทำไว้ทิ้งหลักฐานไว้​ สิ่งเหล่านี้กำลังตามหลอกหลอน ให้ต้องถูกดำเนินคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีใครที่จะไปกลั่นแกล้ง แต่สามารถเป็นบุคคลคนหนึ่งที่เราต้องการ นำเข้าสู่การบังคับใช้กฎหมาย และนำเข้าสู่สำนวนคดี​ เพราะมีคลิปเสียงชัดเจนในการเรียกรับ​ และมีคำพูดค่อนข้างดูถูกข้าราชการ ในการแต่งตั้งข้าราชการเข้าไปดูแลบอสพอล​ หรือช่วยเหลือผู้ประกอบการ​ ดังนั้น​ เราต้องมีความพยายาม​ ต้องดำเนินการแม้บอลพอล จะไม่ได้มีการร้องทุกข์ดำเนินคดี​ ยืนยัน​ ไม่มีการกลั่นแกล้งและขอให้ไปสู้กันในชั้นศาล​ หากมีพยานที่สามารถหักล้างเหตุผลได้ ก็ไม่จำเป็นต้องอดข้าว​ ขณะนี้ยังมีเวลาแก้ไข หากกระทำผิดก็ต้องชดใช้ ในสิ่งที่ทำไว้” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ​ กล่าว

เมื่อถามต่อว่า จะมีการมอบของขวัญช่วงปีใหม่ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีดิไอคอนอีกหรือไม่​ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า​ เป็นเรื่องของการปัดกวาดทางสังคมให้สะอาด​ ให้บรรดาอินฟลูฯ เพจต่างๆ​ เข้ามาสู่ระบบเคารพกฎหมาย เพราะที่ผ่านมามีการบูลลี่หน่วยงานรัฐ โดยไม่มีหลักฐาน​ แต่ยืนยันว่า พวกเราไม่ใช่คนไร้น้ำใจ หรือเป็นคนใจร้าย แต่ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)ระบุว่า สิ่งใดที่ทำให้สังคมไขว้เขว ใส่ร้ายสังคม ใส่ร้ายข้าราชการ เราต้องปัดกวาด​ รวมถึงหากข้าราชการตำรวจมีการกระทำความผิด​ ก็ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดเอาออกไปเช่นกัน ก็เป็นการกวาดบ้านตัวเอง​ เป็นการทำทุกหน่วยงานให้เป็นของขวัญให้กับพี่น้องประชาชนในช่วงปีใหม่​

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์