ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลั่นเอาผิดหมด ใครเกี่ยวตึก สตง. ถล่ม ขีดเส้นยกแรก 7 วัน
พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) กล่าวถึงการออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องกรณีตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม จะมีจำนวนเท่าไร ว่า ยังไม่ทราบว่าจะออกหมายจับได้จำนวนเท่าไร ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ ขอเวลาอีกสักนิดหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีกรอบเวลาที่จะออกหมายจับหรือไม่ พล.ต.ท.สมประสงค์ กล่าวว่า เท่าที่คุยกันกรอบปัจจุบันไม่เกิน 7 วัน แต่ถ้าไม่ทันก็ขยายไปเรื่อยๆ มีหลายเรื่องที่ต้องรวบรวมพยานหลักฐาน
ในส่วนของหมายจับ จะออกเฉพาะคนออกแบบหรือเจ้าหน้าที่ สตง. ด้วย พล.ต.ท.สมประสงค์ กล่าวว่า การรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนถ้าเกี่ยวข้อง มีการพบว่ามีการกระทำผิดกฎหมายมาตราใด อย่างไร ทุกคนที่กระทำผิดจะต้องดำเนินคดีหมด
เมื่อถามว่าในส่วนของ สตง. ที่เป็นคนอนุมัติแบบและการใช้งบประมาณ ถูกมองว่าไม่มีรายละเอียด ทำให้ประชาชนไม่มั่นใจว่าจะมีการเอาผิด สตง. ได้ พล.ต.ท.สมประสงค์ กล่าวว่า ตนเข้าใจ ซึ่งพนักงานสอบสวนมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ทราบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เกิดการกระทำผิดกฎหมายมาตราใดบ้าง ใครเกี่ยวข้องบ้าง ซึ่งต้องรวบรวมพยานหลักฐานก่อน จึงจะตอบได้ ตอนนี้เริ่มต้นมาระยะหนึ่งแล้ว ยังไม่สามารถให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนได้ เพราะต้องให้ชัดเจนมากกว่านี้ ซึ่งการออกหมายจับจะต้องไปเสนอต่อศาล
สำหรับจำนวนผู้ที่ถูกออกหมายจับจะเยอะหรือไม่ พล.ต.ท.สมประสงค์ กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ เพราะกำลังสอบผู้ที่เกี่ยวข้องอยู่ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมอาคาร ได้มีการไปตรวจสอบหรือไม่อย่างไร บริษัทรับเหมาก่อสร้างทำถูกแบบหรือไม่ การสร้างต้องมีวิศวกร สถาปนิก เข้าไปดูหรือไม่ ซึ่งรายละเอียดเยอะมาก ต้องใช้เวลาเยอะ
‘2 วิศวกร’ ให้ข้อมูล ‘ดีเอสไอ’ ส่วน ‘ผู้ออกแบบ’ อายุ 85 ปี แจ้งป่วย คาดสัปดาห์หน้า เข้าพบ พนง.สอบสวน
คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยถึงสาเหตุที่รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอาญาออกหมายค้นบริษัท คาร์ฮัพ จำกัด และบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด โดย ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 32/2568 นำเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ วิศวกรจากกรมโยธาธิการและผังเมือง พร้อมหมายค้นศาลอาญาเข้าตรวจค้นบริษัทกิจการร่วมค้า PKW ซึ่งเป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้าง รวม 4 จุด ว่า เนื่องจากการสืบสวนสอบสวนพบว่า บินลิง วู ถือเป็นเจ้าของ และเป็นผู้บริหารบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ ตัวจริง แม้ไม่ปรากฏชื่อในโครงสร้างกรรมการในระบบของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แต่กลับปรากฏความเชื่อมโยงในบริษัทที่อยู่ในเครือข่ายของเขา
ทั้งนี้ มีการไปนั่งเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นในบริษัท ดังนี้ มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท วีล มาร์ท (ประเทศ ไทย) จำกัด , บริษัทเอวาน่า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด , บริษัทสันติภาพ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และยังเป็นทั้งกรรมการและผู้ถือหุ้นในบริษัท เอสทีพี อิมปอร์ต-เอ็กปอร์ต (ประเทศไทย) จำกัด
นอกจากนี้บริษัทเหล่านี้ยังมีการใช้กลุ่มคนเดียวกัน อาทิ ประจวบ , มานัส เป็นต้น ทั้งนี้เป็นที่สังเกตว่าที่ตั้งของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในซอยพุทธบูชา 44 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กทม.นั้น เป็นที่อยู่เดียวกันกับของ โรเจอร์ส ซึ่งเป็นลูกชายของ บินลิง วู
คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เผยต่อว่า จากการเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 4 บริษัท ซึ่งพบใบเอกสารควบคุมงานรายวันรวม12-13 ลัง พบว่า มีรายชื่อวิศวกรควบคุมงานในนามกิจการร่วมค้า PKW จำนวน 51 ราย ปรากฏชื่อดังนี้ สมชาย , สมเกียรติ , ปฏิวัติ และ ชัยฤทธิ์ ลงนามลายเซ็นในบางส่วนนั้น
ล่าสุดมีวิศวกร 2 คน ประสานขอเข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในช่วงเช้าวันนี้ โดยพนักงานสอบสวนนัดหมายจัดเตรียมห้องประชุม กคร. หรือ กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (กองคดีฮั้วประมูล) ศูนย์ราชการฯ เป็นสถานที่ในการสอบถามข้อมูล แต่วิศวกร 2 คน ประสงค์ให้ข้อมูลเป็นการส่วนตัว ไม่ประสงค์ให้สัมภาษณ์หรือบันทึกภาพโดยสื่อมวลชน พนักงานสอบสวนคดีพิเศษจึงเปลี่ยนสถานที่สอบปากคำ
ส่วนกรณีของ พิมล อายุ 85 ปีที่ปรากฏรายชื่อว่าเป็นผู้ออกแบบอาคาร สตง. ล่าสุดเจ้าตัวได้ประสานแจ้งว่ามีอาการเจ็บป่วย ไม่สามารถเข้าพบพนักงานสอบสวนในช่วงนี้ได้ แต่หากหายป่วยแล้วจะให้ความร่วมมือเข้าพบดีเอสไอ คาดว่าเป็นสัปดาห์หน้า