ตร. แถลง ‘รถบัส’ ติดแก๊ส 11 ถัง 5 ถัง ไม่จดแจ้ง วิ่งความเร็ว 80 กม./ชม.

2 ต.ค. 2567 - 12:09

  • ‘บิ๊กต่าย’ นำ ตร. – ขนส่งมางบกฯ แถลงพบ ‘รถบัส’ ติดแก๊ส 11 ถัง 5 ถัง ไม่จดแจ้ง วิ่งความเร็ว 80 กม./ชม. ไม่พบค้อนทุบกระจกในรถ จดทะเบียนครั้งแรก 19 ก.พ. 2513 จดทะเบียนใหม่ 26 ต.ค. 2561 เปลี่ยนแปลงโครง-ที่นั่ง-ตัวถัง

Bus-Accident-Student-Krittarat-Police-SPACEBAR-Hero.jpg

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ประธานแถลงความคืบหน้าคดีอุบัติเหตุเพลิงไหม้รถบัสรับส่งนักเรียนทัศนศึกษา ที่จนมีผู้เสียชีวิต 23 ราย บาดเจ็บ 3 ราย โดยมี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร., พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รอง ผบช.ภ.1 รรท.ผบช.ภ.1 , พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1 , พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี , พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผบก.พฐก. , พล.ต.ต.สุพิไชย ลิ่มศิวะวงศ์ ผบก.นต.รพ.ตร. และ นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ร่วมแถลง โดยก่อนการแถลงข่าว พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ได้เรียนเชิญทุกท่านร่วมยืนไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า คนขับอยู่ในการควบคุมตัวของ สภ.คูคต การสอบสวนคืบหน้าอย่างมาก ส่วนการตรวจสอบรถบัสนั้น ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และ จนท. กรมการขนส่งทางบก ได้ตรวจสอบสภาพรถเรียบร้อย แต่ในขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ เช่น สภาพรอยล้อ และหลักฐานอื่นๆเพื่อประกอบการสอบสวน 

ทั้งนี้พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบพยานไปหลายปาก รวมถึงผู้ต้องหาที่ให้การรับคำสารภาพทุกข้อหา ซึ่ง อยู่ระหว่างการสอบสวนในองค์ประกอบความผิดและองค์ประกอบพิจารณาความผิดของผู้ประกอบการ

Bus-Accident-Student-Krittarat-Police-SPACEBAR-Photo01.jpg

‘ทัศนศึกษา’ จำเป็น แต่ต้องเข้ม ‘มาตรการ รปภ.- สภาพรถ’

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ทั้งนี้ในช่วงเที่ยงที่ผ่านมาตนเองได้ร่วมหารือกับ แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯและรมว.คมนาคม สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข รวมถึงกรมการขนส่งทางบก ซึ่งได้มีการหารือมาตรการต่างๆ ที่ทุกหน่วยงานมีแนวทางปฏิบัติอยู่แล้ว แต่เราจะมุ่งเน้นไปที่การเดินทางของนักเรียนที่เป็นหมู่คณะ

“ผมมีความเห็นอย่างนี้การทัศนศึกษาหรือดูงาน มีความจำเป็นเพราะเป็นการเปิดมุมมอง เปิดความคิด เปิดประสบการณ์ให้เด็กระหว่างศึกษาและเจริญเติบโต แต่เราควรจะบริหารจัดการในเรื่องของการทำเรื่องการตรวจสภาพรถก่อนเดินทาง การซักซ้อมก่อนเดินทางในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น จะทำอย่างไร และรถควรอยู่ในสภาพเช่นไร ควรจะมีมาตรการอย่างไร ที่จะเป็นข้อบังคับให้กับบริษัทผู้รับจ้าง บริษัทผู้บริการ ซึ่งคนขับรถอย่างน้อยต้องมี 2 คน พนักงานประจำรถต้องมี 1 คน

อีกทั้งการดูแลและจุดตรวจระหว่างทางที่จะใช้สถานีตำรวจ ป้อมตำรวจ หรือหน่วยบริการตำรวจทางหลวงเป็นจุดตรวจสอบคนขับรถ สภาพรถ และระยะทางที่เหมาะสมและจำเป็น ในขบวนจะต้องมีรถนำอย่างไร จะมีการร้องขอและประสานกันอย่างไร ซึ่งมีการพูดคุยกันเพื่อกำหนดเป็นมาตรการกฎเกณฑ์ที่จะเกิดขึ้น โดยมุ่งเน้นไปที่ขบวนรถของนักเรียนนักศึกษา” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าว

Bus-Accident-Student-Krittarat-Police-SPACEBAR-Photo02.jpg

พบความเร็วรถบัส อยู่ที่ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ทั้งนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า รถคันดังกล่าวมี GPS อยู่ระหว่างตรวจสอบของตำรวจพิสูจน์หลักฐานและกรมการขนส่งทางบกตรวจสอบ  ที่ต้องคำนวณระยะทาง ความเร็ว ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อตรวจสอบเวลา เมื่อได้ตัวเลขมาแล้วจะส่งให้ พนง.สอบสวน สภ.คูคต ต่อไป 

ขณะที่ เสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ในเรื่องของความเร็วตามกฎหมายในเรื่องของรถสาธารณะต้องไม่เกิน 90 กิโลเมตร /ชั่วโมง แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้น รถที่ประสบเหตุไม่เกินตามที่กฎหมายกำหนด อยู่ที่ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง

จดทะเบียนครั้งแรก ก.พ.2513 จดใหม่ ต.ค. 2561

พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี กล่าวถึงเอกสารการจดทะเบียนต่างๆ ว่า ในส่วนของถังแก๊สทาง ตร.พิสูจน์หลักฐาน และกรมการขนส่งทางบก สภ.คูคต ตรวจสอบพบว่าถังก๊าซอยู่ระหว่างสอบสวนว่าจะหมดอายุจริงหรือไม่ ต้องรอผลที่ชัดเจน 

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวเสริมว่า หากไม่ตรงกับที่จดทะเบียนไว้ ก็บ่งบอกถึงความประมาท ที่อาจผิดกฎหมายอื่นด้วย ดังนั้นต้องดำเนินคดีทุกข้อหา

ส่วนที่มีการระบุว่ารถจดทะเบียนครั้งแรก 19 ก.พ. 2513 นั้น รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ชี้แจงว่า รถคันดังกล่าวมีการจดทะเบียนใหม่ เมื่อ 26 ต.ค. 2561 มีการเปลี่ยนแปลงโครง ขนาดสัดส่วน และขนาดที่นั่ง เปลี่ยนแปลงตัวถัง เปลี่ยนชนิดเครื่องยนต์ ใช้ก๊าซ CNG เป็นเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นข้อมูลเอกสาร ส่วนการใช้งานอย่างไรนั้น ก็มี จนท. สืบสวนอุบัติเหตุ ร่วมกับ ตร.พิสูจน์หลักฐาน อยู่ระหว่างการตรวจสอบ

รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ชี้แจงไทม์ไลน์เพิ่มว่า จดทะเบียนครั้งแรก 19 ก.พ.2513 และมีการมาจดทะเบียนใหม่ 26 ต.ค. 2561 ที่ดำเนินการตามขั้นตอนของกรมการขนส่งฯ ซึ่งใช้งานมา 6 ปีแล้ว ส่วนโครงรถใช้งานมา 50 กว่าปี ซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่กรมการขนส่งทางบกมีอยู่ จึงต้องไปตรวจสอบช่วงปี 2513-2561 ไปจดทะเบียนประเภทใดบ้างและจังหวัดใดบ้าง

สำหรับการต่อภาษีรถนั้น มีหนังสือรับรองการใช้ก๊าซจากวิศวกร แต่ต้องดูประกอบทั้งหมด ซึ่งอายุภาษีจะสิ้นสุด 30 มิ.ย.2568 มีการต่อภาษีตามปกติ ซึ่งในบันทึกตรวจสภาพพบว่าไปต่อภาษีและตรวจสภาพ 23 พ.ค. 2567

ขณะที่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร. เปิดเผยถึงการตรวจสอบประตูฉุกเฉินด้านท้ายขวาพบว่าเปิดได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าระหว่างเกิดเหตุจะใช้การได้หรือไม่ ซึ่งต้องตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะที่ผ่านมาเราตรวจสอบหลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้ไปแล้ว

สำหรับความคืบหน้าล่าสุดการตรวจสอบจุดเกิดเหตุ อยู่ระหว่างการวัดระยะพื้นถนน ส่วนตัวรถอยู่ระหว่างประชุมสรุปแล้ว ที่มีการตรวจสอบซ้ำ เชิญหน่วยงานที่ติดตั้งระบบก๊าซ NGV คือทาง ปตท. มาร่วมตรวจสอบด้วย แต่จากการตรวจสอบไม่พบค้อนทุบกระจกในรถ

Bus-Accident-Student-Krittarat-Police-SPACEBAR-Photo03.jpg

พบถังแก๊ส 11 ถัง ขออนุญาตแค่ 6 ถัง

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ตอบคำถามสื่อถึงก๊าซที่อยู่ด้านหลังของผู้ขับมาติดตั้งได้อย่างไร ว่า ผมคงต้องให้การสอบสวนกับการตรวจของ สพฐ.ตร. ให้ปรากฏออกมาว่ามีกี่ถังอย่างไร เบื้องต้นผมพูดเลยพบ 11 ถัง สิ่งเหล่านี้ไปประกอบการสอบสวนว่าขออนุญาตกี่ถัง และไปติดกี่ถัง ซึ่งหากพบการกระทำผิดไปถึงเจ้าของรถ ผู้ขออนุญาตก็ต้องถูกดำเนินคดีทุกราย

จากนั้นรองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ชี้แจงว่า “ขออนุญาตไว้ 6 ถัง”

พร้อมกล่าวเสริมว่า ทางกรมฯ ได้สั่งพักใช้ใบอนุญาตผู้ประกอบการขนส่ง , พักการใช้ใบอนุญาตขับรถของผู้ขับคนดังกล่าว , ยกเลิกการขึ้นทะเบียนบุคลาการจัดการด้านความปลอดภัยในการจนส่งของบริษัทนี้ และตรวจสอบการดำเนินงานของสถานติดตั้งและตรวจที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิง

แยก ‘ประมาท’ กับ ‘อุบัติเหตุ’ คนละเรื่องกัน

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวถึงสาเหตุ จากการรับฟังผลการสอบสวนเบื้องต้น เราสันนิษฐานว่าเกิดจากอุปกรณ์ส่วนขั้วของรถ ที่นำไปสู่การทำให้เกิดประกายไฟ ซึ่งจากข้อสันนิษฐานดังกล่าวนั้นนำไปสู่ความประมาทของทั้งผู้ขับขี่และผู้ประกอบการ ซึ่งต้องแยกระหว่างความประมาทกับอุบัติเหตุนั้นต่างกัน เพราะถ้าเป็นอุบัติเหตุก็หมายความว่าคนไม่ประมาท 

“แต่เบื้องต้นผมบอกได้เลยว่า กรณีที่คนขับบอกว่าได้ยินเสียงดังปุ้งขึ้นมา เหมือนเสียงระเบิด แต่ไม่หยุดรถ ขอถามว่าประมาทหรือไม่ แทนที่จะหยุดรถและทำการตรวจสอบเหตุนั้น และเคลื่อนย้ายนักเรียนลง เราสามารถทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้ ทั้งที่ยังไม่เกิดเหตุ พึ่งใช้ความระมัดระวังได้ แต่ไม่ใช้ อันนี้เป็นความประมาท 

แต่ถ้าเป็นอุบัติเหตุมันเป็นเหตุสุดวิสัย ที่เราไม่พึงให้เกิด ได้ใช้ความระมัดระวังอย่างเต็มที่ แต่ยังเกิด มันเลยเป็นอุบัติเหตุ ดังนั้นจึงต้องรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานเอกสาร พยานวัตถุ พยานบุคคล ประกอบกับการสอบสวนเข้ามา เพื่อเราจะได้มองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุหรือความประมาท”พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ

สำหรับฐานความผิดเบื้องต้น คือ 1. ขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ 2. ขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล แล้วไม่หยุดรถให้การช่วยเหลือ ไม่แสดงตัวและไม่แจ้งเหตุต่อเจ้าพนักงาน เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 และพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43(4), 78, 157, 160 วรรค 2

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์