‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์’ เปิดศูนย์ต่อต้านกัญชา โดยใช้พื้นที่ในโรงแรม เดอะ เดวิส บางกอก ที่เคยมีคนมาเช่าเปิดร้านกัญชา ใช้เป็นพื้นที่แสดงสัญลักษณ์ของการต่อต้านนโยบายกัญชาเสรี และเป็นพื้นที่ให้ความรู้เรื่องการใช้กัญชาที่ถูกต้อง รวมถึงใช้เป็นพื้นที่พูดคุยและแจกของที่ระลึกเกี่ยวกับการรณรงค์ ต่อต้านกัญชาให้กับผู้ที่สนใจ โดยเขาจะเปิดศูนย์นี้ ไปจนกว่า ‘พรรคภูมิใจ ไทย จะกลายเป็นพรรคฝ่ายค้าน’
หนึ่งในประเด็นที่ชูวิทย์ พูดถึงวันนี้คือบอกว่ามี ‘ขบวนการลักลอบนำเข้ากัญชาจากอเมริกา’ มาสวมรอยว่าเป็นกัญชาไทย เพื่อขายให้กับคนที่ต้องการใช้แบบนันทนาการ โดยคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คือนักธุรกิจ อักษรย่อ ‘ท.’ ซึ่งมีความสัมพันธ์ ที่ใกล้ชิดกับ ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และขบวนการนี้ยังทำให้ราคากัญชาไทยถูกลง ดังนั้นการที่อนุทิน อ้างว่าปลูกกัญชาแล้วรวยจึงไม่เป็นความจริง และกัญชาไทยเหมาะสำหรับนำมาใช้ทางการแพทย์มากกว่า พร้อมย้ำว่ากัญชาต้องกลับไปอยู่ในบัญชียาเสพติดเหมือนเดิม ช่วงหนึ่งชูวิทย์ยังประกาศตัวว่าเขา ‘เป็นศาสดาแห่งการต่อต้านกัญชา’ ด้วย
นอกจากนี้ ชูวิทย์ ยังยอมรับว่าก่อนที่พรรคภูมิใจไทยจะมีนโยบายกัญชาเสรี เขาเคยคิดว่าอนุทินมีความเหมาะสมกับการเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว เพราะอนุทินนำกัญชาเสรีมาเป็นนโยบายหาเสียง แม้ตอนแรกเขาจะเห็นด้วย แต่หลังจากได้เห็นผลกระทบของกัญชาที่มีต่อสังคมและเยาวชนแล้ว ทำให้เขาคิดว่า ‘อนุทินไม่เหมาะกับการเป็นนายกฯ แล้ว’ อีกทั้งอนุทิน ยังไม่มีทีท่าว่าจะยกเลิกนโยบายนี้ จึงขอเตือนว่า ‘กัญชาจะทำให้อนุทินโดดเดี่ยว’ และเขาจะเป็นคนลากอนุทินและพรรคภูมิใจไทย ไปลงนรกในวันที่ 14 พ.ค.นี้ แม้คะแนนความนิยมจากผลโพลต่างๆ จะรายว่าพรรคภูมิใจไทย จะได้ ส.ส. เป็นเลขสามหลัก แต่ส่วนตัวเชื่อว่าพรรคภูมิใจไทย จะได้ ส.ส. ประมาณ 50 คนเท่านั้น และเชื่อว่าการที่เขาออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านกัญชาจะส่งผลต่อคะแนนเลือกตั้งในครั้งนี้อย่างมหาศาล
ส่วนประเด็นที่อนุทิน บอกว่าเข้าใจบทบาทการเคลื่อนไหวของชูวิทย์ ว่าเป็นเพียงการแสดงละคร และหลังฉากเขาสองคนยังรักกันดี พร้อมบอกว่าวันหลังจะนำแชทหวานมาให้สื่อดู ประเด็นนี้ชูวิทย์ ชี้แจงว่าไม่ใช่ละคร และไม่มีใครอยู่เบื้องหลังเขา ส่วนเรื่องแชตเป็นแค่ ‘อดีตที่เคยหวานชื่น’ พร้อมกับเปิดแชทสนทนาระหว่างเขากับอนุทินให้สื่อดู และอ่านข้อความให้สื่อฟัง ว่าหลังจากวันที่ 1 กรกฎาคม 64 ก็ไม่ได้มีการคุยกันอีกเลย นอกจากนี้ชูวิทย์ ยังเปิดแชตการสนทนาระหว่างเขากับ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ที่คุยกันเมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยชูวิทย์ ได้ส่งข้อความไปในทำนองว่าพร้อมสนับสนุนเศรษฐา หากพรรคเพื่อไทย ไม่เห็นด้วยกับนโยบายกัญชาเสรี โดยเศรษฐา ได้ตอบกลับมาว่าไม่เอาแน่นอน เขาจึงย้ำไปว่าให้เศรษฐา นำเรื่องนี้ไปบอกกับผู้บริหารของพรรคด้วยว่า พรรคเพื่อไทยจะต้องไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย หากไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ และหากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ต้องยกเลิกนโยบายนี้ด้วย
ชูวิทย์ ย้ำว่าสิ่งที่เขาทำอยู่ตอนนี้เป็นสงครามที่เอาชีวิตมาเดิมพัน ใครจะโจมตีอะไร โจมตีมาได้เลย ไม่กลัวเพราะเชื่อว่าสิ่งที่เขาทำ สุดท้ายแล้วจะกลายมาเป็นเกราะกำบังให้เขาแน่นอน
ช่วงท้ายผู้สื่อข่าวได้ถามชูวิทย์ ถึงประเด็นที่ ‘ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด’ จะตั้งโต๊ะแถลงข่าวในช่วงเย็นวันนี้ว่า ไม่อยากพูดถึง เพราะทนายตั้ม ไม่ใช่ของแท้ และแนะนำว่าเรื่องนี้ต้องไปถาม ‘ออยศรีและผองเพื่อน’ จากนั้นชูวิทย์ ได้เปิดคลิปสั้นๆ ให้ผู้สื่อข่าวดู โดยในคลิปมีภาพชายคนหนึ่ง โดยชูวิทย์ อ้างว่าเป็นคลิปเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ลากครูเปียโนไปข่มขืน
หนึ่งในประเด็นที่ชูวิทย์ พูดถึงวันนี้คือบอกว่ามี ‘ขบวนการลักลอบนำเข้ากัญชาจากอเมริกา’ มาสวมรอยว่าเป็นกัญชาไทย เพื่อขายให้กับคนที่ต้องการใช้แบบนันทนาการ โดยคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คือนักธุรกิจ อักษรย่อ ‘ท.’ ซึ่งมีความสัมพันธ์ ที่ใกล้ชิดกับ ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และขบวนการนี้ยังทำให้ราคากัญชาไทยถูกลง ดังนั้นการที่อนุทิน อ้างว่าปลูกกัญชาแล้วรวยจึงไม่เป็นความจริง และกัญชาไทยเหมาะสำหรับนำมาใช้ทางการแพทย์มากกว่า พร้อมย้ำว่ากัญชาต้องกลับไปอยู่ในบัญชียาเสพติดเหมือนเดิม ช่วงหนึ่งชูวิทย์ยังประกาศตัวว่าเขา ‘เป็นศาสดาแห่งการต่อต้านกัญชา’ ด้วย
นอกจากนี้ ชูวิทย์ ยังยอมรับว่าก่อนที่พรรคภูมิใจไทยจะมีนโยบายกัญชาเสรี เขาเคยคิดว่าอนุทินมีความเหมาะสมกับการเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว เพราะอนุทินนำกัญชาเสรีมาเป็นนโยบายหาเสียง แม้ตอนแรกเขาจะเห็นด้วย แต่หลังจากได้เห็นผลกระทบของกัญชาที่มีต่อสังคมและเยาวชนแล้ว ทำให้เขาคิดว่า ‘อนุทินไม่เหมาะกับการเป็นนายกฯ แล้ว’ อีกทั้งอนุทิน ยังไม่มีทีท่าว่าจะยกเลิกนโยบายนี้ จึงขอเตือนว่า ‘กัญชาจะทำให้อนุทินโดดเดี่ยว’ และเขาจะเป็นคนลากอนุทินและพรรคภูมิใจไทย ไปลงนรกในวันที่ 14 พ.ค.นี้ แม้คะแนนความนิยมจากผลโพลต่างๆ จะรายว่าพรรคภูมิใจไทย จะได้ ส.ส. เป็นเลขสามหลัก แต่ส่วนตัวเชื่อว่าพรรคภูมิใจไทย จะได้ ส.ส. ประมาณ 50 คนเท่านั้น และเชื่อว่าการที่เขาออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านกัญชาจะส่งผลต่อคะแนนเลือกตั้งในครั้งนี้อย่างมหาศาล
ส่วนประเด็นที่อนุทิน บอกว่าเข้าใจบทบาทการเคลื่อนไหวของชูวิทย์ ว่าเป็นเพียงการแสดงละคร และหลังฉากเขาสองคนยังรักกันดี พร้อมบอกว่าวันหลังจะนำแชทหวานมาให้สื่อดู ประเด็นนี้ชูวิทย์ ชี้แจงว่าไม่ใช่ละคร และไม่มีใครอยู่เบื้องหลังเขา ส่วนเรื่องแชตเป็นแค่ ‘อดีตที่เคยหวานชื่น’ พร้อมกับเปิดแชทสนทนาระหว่างเขากับอนุทินให้สื่อดู และอ่านข้อความให้สื่อฟัง ว่าหลังจากวันที่ 1 กรกฎาคม 64 ก็ไม่ได้มีการคุยกันอีกเลย นอกจากนี้ชูวิทย์ ยังเปิดแชตการสนทนาระหว่างเขากับ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ที่คุยกันเมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยชูวิทย์ ได้ส่งข้อความไปในทำนองว่าพร้อมสนับสนุนเศรษฐา หากพรรคเพื่อไทย ไม่เห็นด้วยกับนโยบายกัญชาเสรี โดยเศรษฐา ได้ตอบกลับมาว่าไม่เอาแน่นอน เขาจึงย้ำไปว่าให้เศรษฐา นำเรื่องนี้ไปบอกกับผู้บริหารของพรรคด้วยว่า พรรคเพื่อไทยจะต้องไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย หากไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ และหากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ต้องยกเลิกนโยบายนี้ด้วย
ชูวิทย์ ย้ำว่าสิ่งที่เขาทำอยู่ตอนนี้เป็นสงครามที่เอาชีวิตมาเดิมพัน ใครจะโจมตีอะไร โจมตีมาได้เลย ไม่กลัวเพราะเชื่อว่าสิ่งที่เขาทำ สุดท้ายแล้วจะกลายมาเป็นเกราะกำบังให้เขาแน่นอน
ช่วงท้ายผู้สื่อข่าวได้ถามชูวิทย์ ถึงประเด็นที่ ‘ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด’ จะตั้งโต๊ะแถลงข่าวในช่วงเย็นวันนี้ว่า ไม่อยากพูดถึง เพราะทนายตั้ม ไม่ใช่ของแท้ และแนะนำว่าเรื่องนี้ต้องไปถาม ‘ออยศรีและผองเพื่อน’ จากนั้นชูวิทย์ ได้เปิดคลิปสั้นๆ ให้ผู้สื่อข่าวดู โดยในคลิปมีภาพชายคนหนึ่ง โดยชูวิทย์ อ้างว่าเป็นคลิปเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ลากครูเปียโนไปข่มขืน



