ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) กล่าวถึงกรณีป้ายโฆษณาซื้อขายพาสปอร์ตบริเวณสี่แยกห้วยขวางที่เป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ต่อเนื่องขณะนี้ ว่า เรื่องนี้จะต้องแบ่งเป็น 3 ประเด็น ที่จะต้องไปตรวจสอบ ทั้งในเรื่องของโครงสร้าง การขออนุญาตติดตั้ง และเรื่องของการจ่ายภาษีป้าย โดยทั้งหมดมีระเบียบข้อปฏิบัติกำหนดอยู่อย่างชัดเจน
โดยกรณีนี้เป็นป้ายขนาดใหญ่ ที่จะต้องไปขออนุญาตจากสำนักการโยธา กทม.ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบ แต่เท่าที่ได้รับรายงาน ในส่วนของป้ายที่มีปัญหาไม่มีการขออนุญาตติดตั้งไปที่สำนักการโยธา จากนี้จะต้องให้สำนักงานเขตไปตรวจสอบในเรื่องของใบอนุญาตย้อนหลังว่าได้ยื่นขอที่สำนักงานเขตหรือไม่ รวมถึงในเรื่องของมาตรฐานโครงสร้างของป้ายด้วย
สำหรับในส่วนของเนื้อหามีพระราชบัญญัติที่กำหนดในเรื่องของความเป็นระเบียบเรียบร้อยที่จะต้องไม่ผิดศีลธรรม และความมั่นคงเป็นระเบียบ ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องสำรวจไม่ใช่เฉพาะในพื้นที่เขตห้วยขวาง แต่ยังรวมไปถึงพื้นที่โดยรอบทั่ว กทม.
“ทุกสำนักงานเขต จะต้องลงไปกำกับตรวจสอบดูแลอย่างเข้มงวด ส่วนของเรื่องการจ่ายภาษีป้ายโฆษณาในพื้นที่ ก็ต้องไปตรวจสอบย้อนหลังทั้งหมดว่า มีป้ายไหนที่ไม่ได้อยู่ในระบบภาษีป้ายก็ต้องทำให้ถูกต้อง โดยผู้อำนวยการเขตต้องมีมาตรฐานเดียวกัน”
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นดังกล่าวขออย่าเหมารวมว่าภาษาจีน หรือภาษาอื่นจะต้องมีเนื้อหาที่เข้าข่ายผิดกฎหมายทั้งหมด ซึ่งบางป้ายอาจจะเป็นการสื่อสารให้กับคนในประเทศนั้นๆ เข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น และเนื้อหาของป้ายที่กำลังเป็นประเด็นมองว่าไม่ได้กระทบกับภาพลักษณ์ของประเทศ ซึ่งการซื้อขายพาสปอร์ตสำหรับบางประเทศก็ไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่ก็จะต้องตรวจสอบว่าเรื่องของการกระทำความผิดหรือเหตุอาชญากรรมเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่
“แต่อย่าเหมารวมว่าจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายทั้งหมด แต่หากมีการใช้ประเทศไทยมาเป็นศูนย์กลางในการที่จะกระทำความผิดก็จะต้องช่วยกันดำเนินการปราบปราม”