ความคืบหน้าคดี เรือน้ำมันของกลาง จำนวน 3 ลำ หายไปจากท่าเรือสัตหีบ เมื่อกลางดึกวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา และต่อมาตำรวจสอบสวนกลางร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ออกไล่ล่า จนในที่สุดสามารถติดตามตัวเรือทั้ง 3 ลำกับมาได้ โดยจะมีการแถลงข่าวในช่วงเที่ยงของวันนี้ (17 มิ.ย.) ที่ สถานีตำรวจน้ำกอง 7 จ.สงขลา
อีกด้านวันนี้ (17 มิ.ย.) ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ) พ.ต.อ.ชัชวาล ชูชัยเจริญ ผู้กำกับการ 2 บก.ปอศ. เปิดเผยว่า วันนี้ได้เรียกตัวผู้ต้องหาในคดีเรือค้าน้ำมันเถื่อน คดีตั้งต้นก่อนที่จะเกิดเหตุเรือของกลางหาย ให้มารายงานตัวต่อเจ้าพนักงาน โดยคดีนี้มีผู้ต้องหาทั้งหมด 28 คน
พ.ต.อ.ชัชวาล ระบุว่า หลังเรือของกลางหายเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ที่ผ่านมา ผู้บังคับบัญชาฯ ได้สั่งการให้เรียกตัวผู้ต้องหาทั้งหมดกลับมารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ภายในวันนี้ (17 มิ.ย.) ซึ่งกระบวนการเรียกตัวผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ไม่ได้แจ้งไปยังผู้ต้องหาโดยตรง แต่เป็นการแจ้งผ่านนายประกันซึ่งเป็นทนายความให้พาตัวผู้ต้องหาทั้งหมดที่ได้รับการประกันตัวมารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ ผลปรากฎว่านายประกันพาผู้ต้องหามารายงานตัวเพียง 11 คน จาก 28 คน แต่มีผู้ต้องหาอีก 1 คน ที่ยังเมาอยู่บนเรือไม่ได้หนีไปไหน และผู้ต้องที่เป็นลูกเรือชาวพม่าก็ยังอยู่ในพื้นที่สัตหีบ เพียงแต่ยังไม่ได้มารายงานตัว แต่ได้ย้ำให้นายประกันพาผู้ต้องหาทั้ง 2 คน มารายงานตัวเพื่อแสดงตนแล้ว เท่ากับตอนนี้มีผู้ต้องหาหายไป 15 คน
ส่วนผลการสอบปากคำของผู้ต้องหาทั้ง 11 คนจะเป็นประโยชน์ต่อคดีเรือหายแค่ไหนนั้น พ.ต.อ.ชัชวาล อธิบายว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างรัดกุม ในวันแรกที่ได้รับตัวผู้ต้องหาทั้ง 28 คน มาดำเนินคดี กระบวนการสอบปากคำมี ทนายความของผู้ต้องหามานั่งประกบผู้ต้องหาทุกคนระหว่างที่พนักงานสอบสวนกำลังสอบปากคำ
แต่เนื่องจากคดีนี้พนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดเข้ามาพิจารณาสอบสวนแล้ว เนื่องจากเป็นคดีที่มีความผิดนอกราชอาณาจักร หมายความว่าต่อจากนี้ตำรวจต้องสอบปากคำร่วมกับอัยการ ดังนั้นวันนี้จึงเป็นแค่การเรียกมารายงานตัวว่าใครยังอยู่และใครหนีไปแล้วบ้าง ยังไม่มีการสอบปากคำ โดยผู้ต้องหาที่ไม่มารายงานตัวขั้นตอนต่อจากนี้คือการถอนประกันและออกหมายจับ
พ.ต.อ.ชัชวาล ยังขอชี้แจงเหตุผลที่ให้ประกันตัวผู้ต้องหากลุ่มนี้โดยเริ่มอธิบายว่า คดีนี้ตำรวจให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 28 คน ด้วยวงเงิน 3,100,000 บาท และเนื่องจากมี เรือของกลาง 1 ลำ ที่บรรทุกน้ำมันกำลังจะจม จำเป็นต้องสูบน้ำทุกชั่วโมง จึงจำเป็นต้องให้คนเรือเข้าไปดำเนินการภายในเรือของเขาเอง ซึ่งก่อนให้ประกัน ได้มีการหารือกับ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ แล้วว่า ถ้าไม่ดูดน้ำออกจากเรือ อาจทำให้น้ำมันที่บรรทุกอยู่กว่า 300,000 ลิตร รั่วลงสู่ทะเลที่หน้าอ่าวสัตหีบได้ และหากเป็นแบบนั้น มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่อง
ส่วนเหตุผลที่ไม่ให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดูแลเรือแทนกลุ่มผู้ต้องหา พ.ต.อ.ชัชวาล ชี้แจงว่า เคสนี้ตำรวจเคยมีการจับกุมมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกจับได้ 900,000 ลิตร และอีกเคส 300,000 ลิตร เป็นการจับกุมได้ในเวลาใกล้เคียงกัน โดยเคสแรกเกิดรั่วเหมือนกัน โดยเรือ 1 ลำ ใช้เจ้าหน้าที่ผลัดกันดูแล ผลัดละ 4 คน ตลอด 24 ชม. แต่เคสที่เป็นประเด็นเรือหาย มีเรือของกลางถึง 5 ลำ ต้องใช้เจ้าหน้าที่จำนวนมาก จึงจำเป็นต้องให้ผู้ต้องหากลับไปดูแลเรือ โดยมีตำรวจน้ำคอยดูแลความปลอดภัย ไม่ให้ผู้ต้องหานำเรือหลบหนี ย้ำว่าการให้เจ้าหน้าที่ดูแลเรือเป็นเรื่องที่ไม่หมู ส่วนตำรวจน้ำปล่อยให้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้นได้อย่างไรนั้น ต้องให้หน่วยที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบก่อน
ส่วนคดีนี้ เสี่ย จ. ผู้ต้องหาค้าน้ำมันเถื่อนรายใหญ่เกี่ยวจข้องด้วยหรือไม่ พ.ต.อ.ชัชวาล อธิบายว่า ต้องรอให้ตำรวจกองปราบที่รับผิดชอบในส่วนของการสืบสวนและเป็นชุดจับกุมเป็นผู้ชี้แจงอีกครั้ง แต่ยอมรับว่าคดีนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ เสี่ย จ. แต่หลักฐานที่มีจะเอาผิดได้มากน้อยแค่ไหนขอเวลารวบรวมข้อมูลก่อน
พ.ต.อ.ชัชวาล ย้ำว่าตำรวจและอัยการพยายามทำคดีอย่างละเอียดและรอบคอบ ส่วนเหตุใด เสี่ย จ. ถึงหลบหนีการจับกุมได้นานขนาดนี้ พ.ต.อ.ชัชวาล พูดเป็นนัยๆ ว่า เป็นเพราะเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่
“เชื่อไหมครับ ทำไมเขาหลบหนีได้นานขนาดนี้้ เพราะอะไรครับ อันนี้คือคำถามที่เราต้องตอบกัน มันเกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐหรือเปล่า หรือมันเกิดจากตัวเขาอย่างเดียวหรือเปล่า หรือมันเกิดจากทุกๆ อย่างมันร่วมกันเป็นองค์ประกอบหรือเปล่า”
— พ.ต.อ.ชัชวาล กล่าว
พ.ต.อ.ชัชวาล ย้ำ ในส่วนของเรา เราไม่ได้ทำงานขาเดียวเราทำร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และหลังจากเรือหายเราก็มาตรวจสำนวนว่ามีส่วนไหนบกพร่องหรือไม่ก็พบว่าไม่มี หากจะมีก็เป็นในส่วนของการควบคุมเรือ