นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข พร้อมเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.), กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) และสำนักงานอาหารและยา (อย.) ลงพื้นที่ตรวจสอบคลินิกในเครือ The iCon Group บริเวณ ถ.รามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน
หลังเมื่อวานนี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมเลขาธิการแพทยสภา ได้เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับ ‘บอสหมอเอก’ หรือ ฐานานนท์ หิรัญไชยวรรณ เป็นอีกหนึ่งบุคคลระดับ ‘แม่ทีม’ ที่ร่วมลงทุนทำธุรกิจกับ ‘ดิไอคอน กรุ๊ป’ และแอบอ้างตัวเองเป็นแพทย์ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า เรียนจบด้านเทคนิคการแพทย์ แต่ไม่ได้จบแพทย์เวชกรรม จึงไม่สามารถรักษาผู้ป่วยได้โดยตรง
สำหรับเป้าหมายในวันนี้ เป็นการตรวจสอบว่าคลินิกเปิดอย่างถูกต้องหรือไม่, ยาและอุปกรณ์ต่างๆ ถูกต้องตามหลักการแพทย์หรือไม่ แต่เมื่อมาถึง พบว่าทางคลินิกปิดให้บริการ ส่วนเบื้องต้นทราบว่า มีใบอนุญาตเปิดสถานประกอบการอย่างถูกต้อง
ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดไว้แล้ว และ ฐานานนท์ ไม่มีรายชื่อในแพทย์สภา ซึ่งไม่ได้เป็นหมอ จึงขอเรียกว่า ‘คุณเอก’ แทน ‘หมอเอก’ นอกจากนี้จะต้องดำเนินคดีกับ ฐานานนท์ ให้เรียบร้อย
โดยเฉพาะในคลิปที่มีการฉีดอะไรบางอย่างเข้าไปให้คนอื่นอย่างน้อย 5 คน ซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นการฉีดอะไรเข้าไป และยังมีการกระทำที่มีการใส่ชุดกาวน์ และใส่หูฟังหมอ แล้วยังพูดว่าตัวเองเป็นหมอ ซึ่งถ้าเป็นหมอแล้วไม่มีการขึ้นทะเบียน ก็ถือว่าเป็นหมอเถื่อน
ในเมื่อคุณเอก ไม่มาพบ ขั้นตอนต่อไปคือการออกหมายเรียกและหมายจับ เพราะคุณคือส่วนหนึ่งที่ทำให้คนเข้าใจผิด ในเรื่องของการดำเนินธุรกิจเพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ ซึ่งอยากให้คุณเอก ออกมาพูดข้อเท็จจริง หากว่าท่านไม่ออกมาพูด ก็ต้องตามตัวท่านมา และจะตามจนเจอ
นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข
ด้านทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เตือนว่า หากผู้ใดที่บอกว่าเป็นแพทย์ สามารถเอาชื่อไปเสิร์ชได้ที่แพทย์สภา หากไม่พบฐานข้อมูล แสดงว่าไม่ใช่แพทย์ หากหลอกลวงก็มีความผิดต่อวิชาชีพเวชกรรม มีโทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถือว่าเป็นโทษรุนแรง
หากมีการประกอบวิชาชีพในสถานที่ที่ไม่ได้รับอนุญาตด้วยนั้น จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และหากแสดงตนว่าเป็นผู้ดำเนินการ จะมีโทษจำคุกอีก 5 ปี
ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ระบุทิ้งท้ายว่า “หากเห็นคนใส่เสื้อกาวน์ ใส่หูฟังหมอ บอกว่าตัวเองเป็นหมอแล้วขึ้นไปพูดบนเวที และมีคนเข้าใจผิดในข้อเท็จจริง เชื่อว่าเขาเป็นคนมีความรู้ความสามารถ ก็ไปร่วมประกอบธุรกิจที่เขาทำอยู่ ประชาชนหลงเชื่อในเครดิตจนเกิดความเสียหาย เป็นการปกปิดข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น ผู้นั้นจะมีความผิดในทางฉ้อโกงประชาชน สามารถร้องทุกข์กล่าวโทษได้ทันที”
