บุหรี่ไฟฟ้าคือหนึ่งในสิ่งที่รัฐบาลกำลังเร่งเดินหน้าปราบปรามอย่างต่อเนื่อง ทั้งการหยุดยั้งการลักลอบผลิต นำเข้าหรือจำหน่าย โดยมีความตั้งใจที่จะยับยั้งการแพร่ระบาดบุหรี่ไฟฟ้าทุกชนิด สำหรับในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถจับกุมผู้ที่ลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าและกวาดล้างบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่ ตามนโยบายของรัฐบาลและข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พูดคุยกับผู้ที่เคยสูบบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมกับสำรวจสถานที่ที่เคยเปิดเป็นร้านขายบุหรี่ไฟฟ้า ทั้งในตัวเมืองและพื้นที่รอบนอกของจังหวัดเชียงใหม่ พบว่า ปัจจุบันนี้หน้าร้านที่เคยเปิดขายบุหรี่ไฟฟ้านั้นได้หายไปค่อนข้างมากอย่างเห็นได้ชัด หากเปรียบเทียบกับก่อนที่รัฐบาลจะประกาศนโยบายปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า
โดยก่อนหน้านี้ร้านที่เปิดขายบุหรี่ไฟฟ้ามีอยู่จำนวนมาก กระจายตัวอยู่ตามจุดต่างๆ หลายแห่งอยู่ใกล้กับชุมนุม ลักษณะหน้าร้านส่วนใหญ่จะเป็นประตูแบบทึบมองไม่เห็นด้านในร้าน แต่ทุกร้านจะมีการติดป้าย ห้ามใส่ชุดนักเรียน-นักศึกษา และป้ายไม่จำหน่ายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี
แต่บางครั้งก็จะเห็นนักเรียนที่สวมเสื้อกันหนาวทับเครื่องแบบยืนอยู่ที่บริเวณหน้าร้าน ส่วนด้านในร้านจะเหมือนๆ กันคือ มีสินค้าเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าให้เลือกซื้ออย่างหลากหลาย ทั้งขนาดและรสชาติ มีทั้งแบบใช้แล้วทิ้ง และแบบเปลี่ยนหัว
เมื่อเริ่มมีการปราบปรามช่วงแรกๆ ร้านเหล่านี้มีการปรับตัว ด้วยการไม่ให้ลูกค้าเข้าไปในร้านจะสั่งสินค้าผ่านไลน์แล้วนัดรับที่หน้าร้าน หรือส่งผ่านแอพพลิเคชั่น แต่ต่อมาก็ปรับตัวอีกครั้งด้วยการเหลือเพียงส่งผ่านแอพพลิเคชั่น โดยจะมีรอบการส่ง 5-6 รอบต่อวัน และจากข้อมูลล่าสุด คือ สั่งสินค้าผ่านทางไลน์เหมือนเดิม แต่จะจัดส่งทางไปรษณีย์
จากข้อมูล ร้านขายบุหรี่ไฟฟ้าจะเป็นร้านที่อยู่ในพื้นที่ภาคกลาง เนื่องจากร้านในจังหวัดเชียงใหม่เริ่มทยอยลบไลน์ หรือ เลิกให้บริการไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีข้อมูลอีกว่า เริ่มมีลูกค้าที่ถูกโกง จ่ายเงินซื้อบุหรี่ไฟฟ้าแล้วแต่ไม่ได้รับสินค้า และไม่สามารถแจ้งความอะไรได้เพราะผู้สั่งซื้อก็จะตกเป็นผู้ต้องหาไปด้วยจากการสั่งซื้อสินค้าผิดกฎหมาย
ขณะเดียวกันผู้ที่เคยสูบบุหรี่ไฟฟ้าในจังหวัดเชียงใหม่ให้ข้อมูลว่า “ตอนที่เริ่มสูบครั้งแรกมาจากการสูบของกลุ่มเพื่อนในระหว่างที่ดื่มแอลกอฮอล์ และรู้สึกว่ามันสนุก บางร้านก็สามารถสูบภายในร้านได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินเข้าออกร้านบ่อย ๆ ต่อมาจึงหาซื้อมาสูบเอง แต่พอเริ่มมีการปราบปรามหาซื้อยากขึ้น คนรอบตัวเริ่มสูบน้อยลงก็ลดการสูบและเลิกสูบในที่สุด อีกเหตุผลที่เลิกสูบเพราะต้องสั่งจำนวนมากๆ ค่าใช้จ่ายก็มากขึ้นบวกกับกลัวว่าจะถูกตำรวจจับด้วย”


แพทย์หญิงเสาวนีย์ วิบุลสันติ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่ กล่าวว่า ปัจจุบันอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชนสูงขึ้น ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้า เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าให้ความร้อนกับน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าเกิดเป็นไอระเหยนิโคติน ซึ่งสารนิโคตินเป็นส่วนผสมในน้ำยาของบุหรี่ไฟฟ้า พบว่าบุหรี่ไฟฟ้าหนึ่งแท่งมีปริมาณนิโคตินเท่ากับบุหรี่มวน จำนวน 20 มวน ทางผู้ปกครองต้องเฝ้าระวังป้องกันการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าของบุตรหลาน ควรสังเกตพฤติกรรมและแหล่งการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้า
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การสูบบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มอายุ 15 ถึง 24 ปีสูงขึ้น สำหรับสารนิโคตินที่ก่อให้เกิดโทษส่งผลต่อการพัฒนาการของสมอง และสารเคมีอื่นๆ ในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าที่มีผลสุขภาพของเด็กที่สูบ อย่างระบบการหายใจ จะเกิดการระคายเคือง ไอ เหนื่อยง่าย มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หลอดลมอักเสบ โรคมะเร็ง ระบบหลอดเลือดและหัวใจ ภาวะหลอดเลือดแข็ง จังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ โรคหลอดเลือดหัวใจ ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น
ระบบประสาทและสมอง เซลล์สมองถูกทำลาย ความจำลดลง เรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง ระบบทางเดินอาหารทำให้เกิดแผลในกระเพาะ คลื่นไส้ อาหารไม่ย่อย กรดไหลย้อนและอาจนำไปสู่โรคมะเร็ง ในส่วนผู้ที่ได้รับควัน ไอระเหยมือ 2 มือ 3 สามารถส่งผลในต่อการพัฒนาสมองและหน่วยความจำโดยเฉพาะในเด็กและวัยรุ่น และสตรีมีครรภ์ที่ได้รับนิโคตินอาจส่งผลต่อการพัฒนาทารกในครรภ์

ขณะที่ วัชรพงศ์ พุ่มชื่น นักพัฒนางานวิชาการ ศูนย์วิชาการสารเสพติดภาคเหนือ เปิดเผยว่า ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าเริ่มเห็นได้ชัดเจนเมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในการจัดการกับปัญหานี้ก็ต้องยอมรับว่าประเทศไทยยังมีช่องว่างทางกฎหมายเกี่ยวกับบุหรี่บุหรี่ไฟฟ้า และในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยมีรอยต่อของการเปลี่ยนรัฐบาลรวมถึงเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีทำให้ประเด็นในการแก้ไขบุหรี่ไฟฟ้ารวมถึงปัญหายาเสพติดล่าช้าไป
แต่การขายและการเสพบุหรี่ไฟฟ้าก็ยังคงเดินหน้าต่อไปไม่มีหยุด ทำให้ในช่วงนั้นคนขายก็กล้าขาย คนซื้อสูบก็ไม่กลัว เด็กและเยาวชนก็สามารถเข้าถึงได้ง่าย เพราะมีขายทั้งหน้าร้านและออนไลน์ เยาวชนก็สามารถฝากรุ่นพี่ซื้อและนำมาสูบได้ จนบางครั้งเยาวชนอาจจะพัฒนาจากคนสูบเป็นคนขาย เช่น การรวมเงินกับญาติแล้วไปซื้อมาขายต่อให้เพื่อนในราคาที่สูงขึ้น
“สิ่งที่ต้องเพิ่มเติมในตอนนี้ก็คือการป้องกันผู้เสพรายใหม่ ควบคู่กับการปราบปรามการนำเข้าและกระจายสินค้า โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน เพราะกลุ่มผู้ที่นำเข้าและพยายามจะขายบุหรี่ไฟฟ้าก็ยังคงอยู่ สิ่งหนึ่งที่จะสามารถแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าได้อย่างยั่งยืนก็คือการทำให้จำนวนของผู้เสพรายใหม่ลดลง เพื่อให้ปริมาณความต้องการของบุหรี่ไฟฟ้าลดลงตามไปด้วย”

วัชรพงศ์ กล่าวด้วยว่า จากกรณีศึกษาที่ตนเองได้ไปพูดคุยมาพบว่าเด็กอายุ 9 ขวบเริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้าและกลายเป็นผู้ขายรายย่อย เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้าเข้าถึงได้ง่ายและมีหลากหลายรสชาติ ส่วนหนึ่งก็มาจากต้องการเป็นที่ยอมรับในกลุ่มเพื่อนจึงได้เลียนแบบเพื่อน ทั้งนี้บุหรี่ไฟฟ้าก็ถือว่าเป็นสารเสพติดแต่ยังไม่ออกฤทธิ์ในทันที และมีหลายรสชาติ เด็กจึงรู้สึกสนุกสนานและยกระดับการใช้มากขึ้น
“รัฐบาลต้องเพิ่มนโยบายเกี่ยวกับการป้องกันผู้เสพรายใหม่ สิ่งที่น่าเป็นห่วงหลังจากนี้ก็คือการที่เด็กเยาวชนอาจจะมีการยกระดับไปใช้สารเสพติดชนิดอื่น โดยมีบุหรี่ไฟฟ้าเป็นจุดเริ่มต้นของการไปเสพสารเสพติดชนิดอื่นๆ ส่วนใหญ่คนที่เสพยาเสพติดก็มักจะเริ่มจากสารเสพติดชนิดอ่อนๆ กันทั้งนั้น มีความเป็นไปได้ว่า 2 ใน 10 จะมีการยกระดับพฤติกรรมไปใช้สารเสพติดชนิดอื่นๆ ที่รุนแรงขึ้น”

