หนึ่งในโครงการในด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ที่อาจพิจารณารื้อฟื้นให้กลับมาศึกษาและดำเนินการอีกครั้ง ก็คือ ‘กระเช้าลอยฟ้า’ จากเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีขึ้นไปยังดอยสุเทพ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่ก็มีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและฝ่ายที่คัดค้าน
โดยหลังจากที่มีกระแสข่าวว่า จะมีการหยิบยกโครงการสร้างกระเช้าลอยฟ้าขึ้นดอยสุเทพ เสนอให้นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร และรัฐบาล พิจารณาดำเนินการ ทีมข่าวได้พูดคุยกับหลายฝ่ายในจังหวัดเชียงใหม่ พบว่า มีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและคัดค้านเช่นเดิม รวมถึงประชาชนชาวเชียงใหม่อีกไม่น้อยที่ยังไม่ค่อยรู้รายละเอียด
ชัชวาลย์ ทองดีเลิศ ประธานคณะกรรมการอำนวยการสภาลมหายใจเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ และเป็นหนึ่งในผู้ที่คัดค้านมาตั้งแต่ต้น เนื่องจากดอยสุเทพเป็นจิตวิญญาณของคนล้านนา นับว่าเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของคนเชียงใหม่ ซึ่งไม่ควรจะมีอะไรที่ไปรบกวนมากจนเกินไป ประเด็นที่สองก็คือเรื่องของสิ่งแวดล้อม การสร้างกระเช้าจะทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนประเด็นที่สามคือ ทางถนนที่รถยนต์สัญจรอยู่ก็เพียงพอแล้ว เพราะฉะนั้นควรจะทบทวนโครงการและสำรวจความคิดเห็นของคนเชียงใหม่อย่างละเอียดรอบด้านก่อน
“เราไม่ควรที่จะขนคนขึ้นไปท่องเที่ยวบนดอยสุเทพจนมากเกินไป หากคนขึ้นไปเที่ยวบนดอยจนเกินที่รับได้ จะส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นไปอีก ควรที่จะกระจายให้นักท่องเที่ยวไปเที่ยวตามจุดอื่นๆ มากกว่า”
“แนวคิดแบบนี้ ใช้แนวคิดทางเศรษฐกิจเป็นตัวนำ ซึ่งอาจจะทำให้สูญเสียความเชื่อความศรัทธาหรือจิตวิญญาณของคนท้องถิ่นไป เชียงใหม่มีอีกหลายเรื่องที่ควรจะทำ อย่างวิธีการที่จะบริหารจัดการไม่ให้น้ำท่วม ทำให้ต้นน้ำลำธารดีขึ้น สิ่งเหล่านี้ควรจะได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็วและจริงจัง เรื่องของฝุ่นควันก็ต้องแก้ หากสามารถแก้เรื่องของฝุ่นควันไฟป่าได้ ก็จะทำให้ทุกพื้นที่มีอากาศสะอาด นักท่องเที่ยวก็จะเดินทางไปมากขึ้น หากไปเน้นเพียงจุดเดียว ก็ยังไม่เกิดการกระจายทางเศรษฐกิจ และมีผลกระทบต่อความรู้สึกของคนเชียงใหม่ด้วย”
— ชัชวาลย์ ทองดีเลิศ
พัลลภ แซ่จิว รักษาการกรรมการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภาคเหนือเขต 1 กล่าวว่า เป็นอีกหนึ่งในภาคเอกชนในด้านของการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ที่นำเสนอแนวคิดไปยังรัฐบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การสร้างกระเช้าไม่ใช่เรื่องใหม่ เคยพูดคุยกันไว้เมื่อในหลายๆ ปีที่ผ่านมา โครงการนี้ภาคการท่องเที่ยวเล็งเห็นถึงความสำคัญว่า ทุกวันนี้มีคนขึ้นไปเที่ยวบนดอยสุเทพด้วยรถยนต์หรือรถทัวร์จำนวนมาก จนเกินความจุของพื้นที่จอดรถที่จะสามารถรองรับได้ จนบางครั้งอาจไปจอดในที่ที่ห้าม จนไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย รวมถึงในช่วงเทศกาลที่คนขับรถขึ้นดอยจำนวนมาก ก็ทำให้เกิดการจราจรติดขัดและอาจจะเกิดอันตรายได้
“หากเราเปลี่ยนไม่ให้รถบัสหรือรถทัวร์ขึ้นดอย ให้ไปจอดในพื้นที่ที่สามารถบริหารจัดการได้ มีลูกค้าขึ้นลงอย่างเป็นระบบ ให้จอดแล้วขึ้นกระเช้าเที่ยวดอย หากเป็นตอนกำลังก่อสร้างก็จะสามารถให้นักท่องเที่ยวใช้บริการของรถสองแถวได้ จะช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ ให้คนในท้องถิ่นได้ด้วย ซึ่งต้องพูดคุยกับรถสองแถวที่อยู่บนดอยด้วย เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ผลประโยชน์ หากสามารถบริหารจัดการจุดจอดรถได้แล้วนั้น ก็สร้างเป็นร้านอาหาร ร้านขายของท้องถิ่น ก็จะเป็นแหล่งโชว์ของดีและขายของได้อีก”
“การสร้างกระเช้าขึ้นดอยสุเทพ ก็จะมีไฮไลท์ใหม่ๆ ให้กับนักท่องเที่ยว แม้ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเดิม แต่ก็ต้องมีการเพิ่มเติมสีสันหรือสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้น เพื่อทำให้คนมาแล้วอยากจะขึ้นไป ในส่วนของพื้นที่บนดอย ต้องบริหารจัดการให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยและทันสมัยมากขึ้น หากทำสำเร็จแน่นอนว่าคนในภาคเหนือและคนในประเทศไทย ก็อยากไปลองนั่งกระเช้า”
พัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากนี้ก็ต้องพูดคุยกันในทุกฝ่าย ทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ให้เกียรติซึ่งกันและกัน เพราะว่าบ้านเมืองไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง เพื่อชั่งน้ำหนักในแต่ละประเด็น อย่างต้นไม้ที่หายไป จะจัดการอย่างไร หลังจากทำโครงการกระเช้าลอยฟ้าเรียบร้อยแล้ว
“ส่วนที่ถูกตัดไป ก็สามารถปลูกต้นไม้ขึ้นมาในอนาคตได้ แต่สิ่งที่จะได้ ก็ต้องมาคำนวณกันว่าต้นไม้ที่หายไปทั้งหมด สามารถสร้างออกซิเจนหรือว่าลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้เท่าไหร่ และนำมาหักลบกับจำนวนรถยนต์ที่ใช้ขับขึ้นลงดอยที่จะลดลงได้หลังโครงการสำเร็จ”
“ตอนนี้เชื่อว่ารัฐบาลก็กำลังรับฟังข้อมูลและศึกษาอยู่ว่าเป็นแนวคิดที่สามารถนำกลับมาดำเนินการได้หรือไม่อย่างไร หากรัฐบาลตัดสินใจทำ ก็อาจจะสามารถสร้างสิ่งใหม่ๆ ให้ประเทศ แต่รัฐบาลก็ต้องรับให้ได้ทั้งคนชื่นชมและตำหนิด้วยเช่นกัน”
— พัลลภ แซ่จิว
เมธาพันธ์ ภุชกฤษดาภา ผู้ใหญ่บ้านดอยปุย กล่าวว่า ชาวบ้านหลายคนก็มีความเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีหากทำกระเช้าลอยฟ้า เพราะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกหนึ่งรูปแบบ ที่จะสามารถดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวได้
“หากทำสำเร็จแล้ว คิดว่าวิถีชีวิตของชาวบ้านคงไม่เปลี่ยนไป เพราะเทคโนโลยีต่างๆ ก็ไม่ได้มีผลกระทบกับในพื้นที่ เนื่องจากเทคโนโลยีสามารถทำควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อมได้ เชื่อว่าผู้ที่ออกแบบ ก็น่าจะมีวิธีคิดที่จะอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว”
ผู้ใหญ่บ้านดอยปุย เพิ่มเติมอีกว่า สำหรับบรรยากาศการท่องเที่ยวหมู่บ้านม้งบนดอย พบว่า ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวประมาณวันละ 1,000 คน หากกระเช้าลอยฟ้าสำเร็จ คาดว่าจะอยู่ที่ 4,000 ถึง 5,000 ต่อวัน สำหรับแหล่งท่องเที่ยวในหมู่บ้าน มีจุดขายทั้งสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตของชาวบ้านชาวม้งให้ไปสัมผัสเที่ยวชม
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามความเห็นเพิ่มเติมจากชาวเชียงใหม่ที่เป็นคนรุ่นใหม่ พบว่ามีทั้งคนที่ไม่เคยทราบข่าวการสร้างโครงการนี้เลย บางคนเคยได้ยินข่าวของโครงการนี้อยู่บ้าง
วิรัญญา บุญตันหล้า ชาวเชียงใหม่ คือหนึ่งคนที่เคยได้ยินข่าวมาบ้าง กล่าวว่า เห็นด้วยหากมีกระเช้าลอยฟ้า เพื่อความสะดวกในการขึ้นไปสักการะพระธาตุดอยสุเทพ เพื่อลดการจราจรและลดการปล่อยควันของยานพาหนะได้ด้วย เนื่องจากในตอนนี้นักท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่มีค่อนข้างมาก จำเป็นต้องพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและสิ่งอำนวยความสะดวก
“เป็นเรื่องธรรมดาที่อาจต้องตัดต้นไม้บนภูเขาบางส่วน แต่ก็สามารถปลูกทดแทนในจุดอื่นหรือพื้นที่โดยรอบ ในส่วนของความเชื่อความศรัทธานั้น ควรหลีกเลี่ยงบางจุดที่ผู้คนศรัทธา เช่น อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย พระธาตุดอยสุเทพ หรือจุดอื่นๆ ที่ไม่ควรก่อสร้างบดบังหรือสร้างอยู่บนสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้”
“หากเชื่อกันว่าดอยสุเทพทั้งดอยเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นรถยนต์หรือยานพาหนะต่างๆ ก็ไม่ควรจะขึ้นไป และมองว่า ควรสร้างกระเช้าลอยฟ้าแบบที่ใช้สลิงที่จะช่วยแก้ปัญหาจุดนี้ได้ ทำให้ได้ชมวิวของภูเขาและเมืองเชียงใหม่ได้ในในหลายจุด”
— วิรัญญา บุญตันหล้า ชาวเชียงใหม่
