



‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ ที่วันนี้ขอเรียกตัวว่าเป็นนักเคลื่อนไหว ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจง กรณีที่ศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้าม ‘ชูวิทย์’ พูดหรือกระทำการใดๆ เรื่องกัญชาที่เกี่ยวข้อง กับพรรคภูมิใจไทยจนกว่าศาลฯ จะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
โดยวันนี้ ชูวิทย์ ยังคงคอนเซปต์มากลีลาใช้เทปสีดำปิดปากตัวเอง และใช้ผ้าสีดำคาดตา พร้อมสะพายกระเป๋า ผ้าสีขาวสกีนข้อความต่อต้านกัญชา เพื่อแสดงออกเชิงสัญญลักษณ์ หลังถูกศาลฯ สั่งห้ามพูดเรื่องกัญชา
ประเด็นสำคัญที่ ชูวิทย์ พยายามจะอธิบาย คือ ย้ำว่าสิ่งที่เขาพูดถึงคือประเด็นสาธารณะ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของคนในพรรค เพราะกัญชามีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่เขาเชื่อว่าผลเสียมีมากกว่า และไม่เห็นด้วยกับการใช้กัญชาเสรี ที่ไร้กฎหมาย ควบคุม อีกทั้งที่ผ่านมาสมาคมจิตแพทย์ ยังเคยออกมาแถลงการณ์ แสดงความกังวลในเรื่องนี้ รวมถึงมีข่าวที่เป็นผลกระทบจากการใช้กัญชาในทางที่ผิด ให้เห็นกันอยู่หลายครั้ง จึงเป็นเหตุผลที่เขาต้องออกมาพูดเรื่องนี้ และจากที่ได้ไตร่ตรอง มาอย่างดีแล้ว วันพรุ่งนี้ (7 เม.ย.) เขาจะไปยื่นอุทธรณ์ต่อศาลแพ่งเพื่อขอให้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าว แต่หากศาลฯ ยังยืนตามคำสั่งเดิม เขาก็พร้อมปฏิบัติ ตาม แต่จะไม่หยุดเคลื่อนไหวเรื่องนี้แน่นอน เพราะได้เตรียมแผนรับมือเอาไว้แล้ว
นอกจากนี้ ชูวิทย์ ยังบอกว่าจะยื่นเรื่องดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาในประเด็นนี้ด้วย เพราะมองว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสิทธิ และเสรีภาพในการแสดงออก พร้อมตั้งคำถามว่าหากประเทศนี้พูดประเด็นสาธารณะ ไม่ได้แล้วสิทธิ และเสรีภาพ ของประชาชนอยู่ที่ไหน
ส่วนประเด็นที่ ‘พรรคภูมิใจไทย’ ประกาศ ชัยชนะ หลังศาลฯ มีคำสั่งห้ามเขาพูดถึงกัญชาอีก ชูวิทย์ ได้ถามกลับว่า การชนะแบบนี้น่าภูมิใจตรงไหน เพราะชัยชนะครั้งนี้หมายถึง ‘ฝ่ายประชาชนพ่ายแพ้’ เพราะไม่สามารถวิจารณ์ ในประเด็นสาธารณะได้ พร้อมเตือนประชาชนว่าลืมว่า ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ คือ คนที่นำเข้าวัคซีนที่มีประสิทธิภาพต่ำ แต่มีราคาแพงมากที่สุด ย้ำว่าการเลือกตั้งครั้งการเมืองต้องเปลี่ยนไป
ช่วงหนึ่ง ชูวิทย์ ยังยอมรับว่าแม้จะรู้สึกเหนื่อย แต่จะขอสู้ต่อ และยินดีรับผลกระทบที่จะตามมา เพราะได้เตรียมใจไว้แล้ว โดยวันพรุ่งนี้ช่วงเย็น เขาจะลงพื้นที่รณรงค์ ต่อต้านกัญชาที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ในเวลา 17.00 น. พร้อมขอให้ติดตาม มีเซอร์ไพรส์ แน่นอน
โดยวันนี้ ชูวิทย์ ยังคงคอนเซปต์มากลีลาใช้เทปสีดำปิดปากตัวเอง และใช้ผ้าสีดำคาดตา พร้อมสะพายกระเป๋า ผ้าสีขาวสกีนข้อความต่อต้านกัญชา เพื่อแสดงออกเชิงสัญญลักษณ์ หลังถูกศาลฯ สั่งห้ามพูดเรื่องกัญชา
ประเด็นสำคัญที่ ชูวิทย์ พยายามจะอธิบาย คือ ย้ำว่าสิ่งที่เขาพูดถึงคือประเด็นสาธารณะ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของคนในพรรค เพราะกัญชามีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่เขาเชื่อว่าผลเสียมีมากกว่า และไม่เห็นด้วยกับการใช้กัญชาเสรี ที่ไร้กฎหมาย ควบคุม อีกทั้งที่ผ่านมาสมาคมจิตแพทย์ ยังเคยออกมาแถลงการณ์ แสดงความกังวลในเรื่องนี้ รวมถึงมีข่าวที่เป็นผลกระทบจากการใช้กัญชาในทางที่ผิด ให้เห็นกันอยู่หลายครั้ง จึงเป็นเหตุผลที่เขาต้องออกมาพูดเรื่องนี้ และจากที่ได้ไตร่ตรอง มาอย่างดีแล้ว วันพรุ่งนี้ (7 เม.ย.) เขาจะไปยื่นอุทธรณ์ต่อศาลแพ่งเพื่อขอให้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าว แต่หากศาลฯ ยังยืนตามคำสั่งเดิม เขาก็พร้อมปฏิบัติ ตาม แต่จะไม่หยุดเคลื่อนไหวเรื่องนี้แน่นอน เพราะได้เตรียมแผนรับมือเอาไว้แล้ว
นอกจากนี้ ชูวิทย์ ยังบอกว่าจะยื่นเรื่องดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาในประเด็นนี้ด้วย เพราะมองว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสิทธิ และเสรีภาพในการแสดงออก พร้อมตั้งคำถามว่าหากประเทศนี้พูดประเด็นสาธารณะ ไม่ได้แล้วสิทธิ และเสรีภาพ ของประชาชนอยู่ที่ไหน
ส่วนประเด็นที่ ‘พรรคภูมิใจไทย’ ประกาศ ชัยชนะ หลังศาลฯ มีคำสั่งห้ามเขาพูดถึงกัญชาอีก ชูวิทย์ ได้ถามกลับว่า การชนะแบบนี้น่าภูมิใจตรงไหน เพราะชัยชนะครั้งนี้หมายถึง ‘ฝ่ายประชาชนพ่ายแพ้’ เพราะไม่สามารถวิจารณ์ ในประเด็นสาธารณะได้ พร้อมเตือนประชาชนว่าลืมว่า ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ คือ คนที่นำเข้าวัคซีนที่มีประสิทธิภาพต่ำ แต่มีราคาแพงมากที่สุด ย้ำว่าการเลือกตั้งครั้งการเมืองต้องเปลี่ยนไป
ช่วงหนึ่ง ชูวิทย์ ยังยอมรับว่าแม้จะรู้สึกเหนื่อย แต่จะขอสู้ต่อ และยินดีรับผลกระทบที่จะตามมา เพราะได้เตรียมใจไว้แล้ว โดยวันพรุ่งนี้ช่วงเย็น เขาจะลงพื้นที่รณรงค์ ต่อต้านกัญชาที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ในเวลา 17.00 น. พร้อมขอให้ติดตาม มีเซอร์ไพรส์ แน่นอน