









ต้องเรียกว่าอีเวนต์ จัดหนัก จัดเต็ม ตลอดทั้งวัน สำหรับ ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ ที่วันนี้ (7 เม.ย.) ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว กรณีที่ศาลฯ มีคำสั่งห้ามพูดหรือกระทำการใดๆ เรื่องกัญชา ที่เกี่ยวข้องกับพรรคภูมิใจไทย พร้อมขอให้มีการไต่สวนฉุกเฉินในประเด็นนี้ด้วย
โดยหลังยื่นคำร้อง ‘ชูวิทย์’ ได้เดินมานั่งให้สัมภาษณ์ที่บริเวณเชิงบันไดหน้าศาลฯ ด้วยอิริยาบถสบายๆ พร้อมร่ายยาวถึงเจตนาในการออกมาพูดเรื่องกัญชา ย้ำว่าสิ่งที่เขาพูดไม่ใช่การละเมิดใครเพราะเป็นสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเห็นว่ากัญชามีผลเสียมากกว่าผลดี และพรรคการเมืองที่เป็นผู้ออกนโยบายควรจะต้องชี้แจงในประเด็นที่สังคมตั้งคำถามไม่ใช่ปิดปากประชาชนด้วยการใช้กระบวนการทางกฎหมาย
ขณะที่ ‘ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช’ ที่เดินทางมายื่นฟ้อง ‘ทนายตั้ม’ ปมถุงเงิน ที่ศาลอาญารัชดาพร้อมกับชูวิทย์ อธิบายว่าการยื่นเพิกถอนคำสั่งของชูวิทย์วันนี้ ‘เป็นการยื่นเพื่อศักดิ์ศรีตามกฎหมาย’ ว่าเราเป็นคนไทยมีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของพรรคการเมืองได้ทุกพรรค
ส่วนประเด็นที่ ‘ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม’ อัยการอาวุโส สำนักงานสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด ออกมาแสดงความเห็นว่าการที่ชูวิทย์พูดเรื่องกัญชาไม่เข้าข่ายการหมิ่นประมาท และสามารถวิพากษ์วิจารณ์ ประเด็นนี้ต่อได้ ‘ทนายอนันต์’ ยอมรับว่าในมุมมองส่วนตัวเห็นด้วย และเชื่อว่านักกฎหมายทุกคนเห็นด้วยเช่นกัน
สำหรับการยื่นฟ้อง ‘ทนายตั้ม หรือ ษิทรา เบี้ยบังเกิด’ ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณากรณีกล่าวหาว่าชูวิทย์ รับเงินจากกลุ่มทุนสีเทาจำนวน 10 ล้านบาท ‘ทนายอนันต์ชัย’ บอกว่าคดีนี้จะเรียกค่าเสียหายจากทนายตั้มเป็นเงิน 100 ล้านบาท และทนายตั้มจะต้องลงคำขอโทษผ่านสื่อจำนวน 45 สื่อ ทั้งทีวี ออนไลน์ และสื่อสิ่งพิมพ์
นอกจากนี้ ‘ทนายอนันต์ชัย’ ยังออกโรงปกป้องชูวิทย์ หลังหลายฝ่ายมองว่าชูวิทย์กลับคำพูดเรื่องแหล่งที่มาเงิน 6 ล้านบาท โดยระบุว่า ตัวเองเป็นคนเขียนบทพูดให้ชูวิทย์ชี้แจงต่อสื่อตั้งแต่แรก โดยเปรียบว่าเหมือนการวางกลยุทธ์ วางแผนในการต่อสู้คดี
ขณะที่ ‘ชูวิทย์’ ยืนยันว่าจะไม่มีการยอมความในคดีแน่นอน ต่อให้ทนายตั้มติดต่อมาขอโทษก็ไม่ยอมความ และหากชนะคดี เงินจำนวน 100 ล้านบาทที่ได้ก็จะนำไปทำบุญทั้งหมด และในวันจันทร์ ที่ 10 เม.ย.นี้ ‘ชูวิทย์’ บอกว่าเขาจะไปยื่นเรื่องต่อสภาทนายความเพื่อขอให้สอบมรรยาททนายของทนายตั้มด้วย ซึ่งโทษอาจสูงถึงขั้นลบชื่อออกจากทำเนียบทนายความ ส่วนประเด็นเรื่องสวนชูวิทย์ จะมีการแถลงชี้แจงรายละเอียดต่างๆ อีกครั้ง
โดยหลังยื่นคำร้อง ‘ชูวิทย์’ ได้เดินมานั่งให้สัมภาษณ์ที่บริเวณเชิงบันไดหน้าศาลฯ ด้วยอิริยาบถสบายๆ พร้อมร่ายยาวถึงเจตนาในการออกมาพูดเรื่องกัญชา ย้ำว่าสิ่งที่เขาพูดไม่ใช่การละเมิดใครเพราะเป็นสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเห็นว่ากัญชามีผลเสียมากกว่าผลดี และพรรคการเมืองที่เป็นผู้ออกนโยบายควรจะต้องชี้แจงในประเด็นที่สังคมตั้งคำถามไม่ใช่ปิดปากประชาชนด้วยการใช้กระบวนการทางกฎหมาย
ขณะที่ ‘ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช’ ที่เดินทางมายื่นฟ้อง ‘ทนายตั้ม’ ปมถุงเงิน ที่ศาลอาญารัชดาพร้อมกับชูวิทย์ อธิบายว่าการยื่นเพิกถอนคำสั่งของชูวิทย์วันนี้ ‘เป็นการยื่นเพื่อศักดิ์ศรีตามกฎหมาย’ ว่าเราเป็นคนไทยมีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของพรรคการเมืองได้ทุกพรรค
ส่วนประเด็นที่ ‘ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม’ อัยการอาวุโส สำนักงานสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด ออกมาแสดงความเห็นว่าการที่ชูวิทย์พูดเรื่องกัญชาไม่เข้าข่ายการหมิ่นประมาท และสามารถวิพากษ์วิจารณ์ ประเด็นนี้ต่อได้ ‘ทนายอนันต์’ ยอมรับว่าในมุมมองส่วนตัวเห็นด้วย และเชื่อว่านักกฎหมายทุกคนเห็นด้วยเช่นกัน
สำหรับการยื่นฟ้อง ‘ทนายตั้ม หรือ ษิทรา เบี้ยบังเกิด’ ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณากรณีกล่าวหาว่าชูวิทย์ รับเงินจากกลุ่มทุนสีเทาจำนวน 10 ล้านบาท ‘ทนายอนันต์ชัย’ บอกว่าคดีนี้จะเรียกค่าเสียหายจากทนายตั้มเป็นเงิน 100 ล้านบาท และทนายตั้มจะต้องลงคำขอโทษผ่านสื่อจำนวน 45 สื่อ ทั้งทีวี ออนไลน์ และสื่อสิ่งพิมพ์
นอกจากนี้ ‘ทนายอนันต์ชัย’ ยังออกโรงปกป้องชูวิทย์ หลังหลายฝ่ายมองว่าชูวิทย์กลับคำพูดเรื่องแหล่งที่มาเงิน 6 ล้านบาท โดยระบุว่า ตัวเองเป็นคนเขียนบทพูดให้ชูวิทย์ชี้แจงต่อสื่อตั้งแต่แรก โดยเปรียบว่าเหมือนการวางกลยุทธ์ วางแผนในการต่อสู้คดี
ขณะที่ ‘ชูวิทย์’ ยืนยันว่าจะไม่มีการยอมความในคดีแน่นอน ต่อให้ทนายตั้มติดต่อมาขอโทษก็ไม่ยอมความ และหากชนะคดี เงินจำนวน 100 ล้านบาทที่ได้ก็จะนำไปทำบุญทั้งหมด และในวันจันทร์ ที่ 10 เม.ย.นี้ ‘ชูวิทย์’ บอกว่าเขาจะไปยื่นเรื่องต่อสภาทนายความเพื่อขอให้สอบมรรยาททนายของทนายตั้มด้วย ซึ่งโทษอาจสูงถึงขั้นลบชื่อออกจากทำเนียบทนายความ ส่วนประเด็นเรื่องสวนชูวิทย์ จะมีการแถลงชี้แจงรายละเอียดต่างๆ อีกครั้ง