








ที่ กองบังคับการปราบปราม ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ นำเงินจำนวน 6 ล้านบาท ที่ รพ.ศิริราช และ รพ.ธรรมศาสตร์ ได้ส่งคืนมา นำมาใส่พานมอบให้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เพื่อขอให้ตรวจสอบที่มาของเงิน หลัง ‘ทนายตั้ม’ ออมาแฉว่าเงินที่ ‘ชูวิทย์’ นำไปบริจาค เป็นเงินที่ได้มาจากธุรกิจสีเทา พร้อมกับนำ อาหารคาว หวาน และสุรา มาเซ่นไหว้ให้สัมภเวสี ที่พยายามขัดขวางการบริจาคเงินของเขา
‘ชูวิทย์’ อธิบายว่าเขาต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าเงินที่ได้มาทั้งหมด เขาพร้อมยินดีคืนให้กับเจ้าของเงินตัวจริง ซึ่งเงินก้อนนี้ ‘นายพล ป.’ ได้นำใส่ถุงมามอบให้ที่ โรงแรม เดอะ เดวิส เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 66 หลังก่อนหน้านี้เคยนำเงินมาให้เขาที่โรงแรม เมื่อวันที่ 30 มี.ค.65 แต่เนื่องจากตัวเอง ไม่ได้อยู่โรงแรม ประกอบกับสถานการณ์โควิด จึงล่วงเลยมาถึงช่วงต้นปี 66
ส่วนที่มาของเงินเป็นใครนั้น ‘ชูวิทย์’ อ้างว่าไม่รู้ รู้แค่ว่า ‘นายพล ป.’ บอกว่าเจ้าของเงินต้องการฝากเงินมาให้ ‘ชูวิทย์’ นำไปทำบุญ เพราะเห็นว่าเขาชอบทำบุญอยู่แล้ว และอยากจะปรึกษาเรื่องการทำธุรกิจอาบอบนวด โดย ‘ชูวิทย์’ ย้ำว่าเขาพยายามที่จะไม่รับเงินดังกล่าวแล้วแต่ไม่เป็นผล จึงจำใจรับไว้ และนำเงินดังกล่าวไปซื้อแคชเชียร์เช็ค เพื่อนำไปบริจาคให้กับโรงพยาบาลอย่างที่เจ้าของเงินตั้งใจไว้ ซึ่งนอกจากเงินสดจำนวน 6 ล้านบาท นำมามอบให้ตำรวจแล้ว เขายังนำหลักฐานเกี่ยวกับการซื้อเเคชเชียร์เช็ค และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการรับเงินก้อนนี้มามอบให้ตำรวจด้วย ย้ำว่าเงินที่ได้มาเขาไม่ได้ขู่เข็ญ ให้ใครนำมาให้ เพราะในภาพ ชายสองคนที่นำเงินมามอบให้ก็มีสีหน้ายิ้มแย้ม อีกทั้งจุดที่เขารับเงิน ก็ไม่ใช่จุดลับตาคนแต่อย่างใด
ช่วงหนึ่ง ‘ชูวิทย์’ ยังบอกว่า ตัวเองเป็นคนบาปหนา ทำบุญ ไม่ขึ้น แต่ที่ผ่านมาก็บริจาคเงินให้โรงพยาบาลมาตลอด และร่างกายก็บริจาคให้โรงพยาบาลด้วย เพราะรู้ตัวเองดีว่ามีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน และหลังจากตายไปแล้วก็อยากให้มีคนพูดถึงในเรื่องที่ดี ไม่ใช่ตายไปแล้วมีแต่คนด่า
‘ชูวิทย์’ อธิบายว่าเขาต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าเงินที่ได้มาทั้งหมด เขาพร้อมยินดีคืนให้กับเจ้าของเงินตัวจริง ซึ่งเงินก้อนนี้ ‘นายพล ป.’ ได้นำใส่ถุงมามอบให้ที่ โรงแรม เดอะ เดวิส เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 66 หลังก่อนหน้านี้เคยนำเงินมาให้เขาที่โรงแรม เมื่อวันที่ 30 มี.ค.65 แต่เนื่องจากตัวเอง ไม่ได้อยู่โรงแรม ประกอบกับสถานการณ์โควิด จึงล่วงเลยมาถึงช่วงต้นปี 66
ส่วนที่มาของเงินเป็นใครนั้น ‘ชูวิทย์’ อ้างว่าไม่รู้ รู้แค่ว่า ‘นายพล ป.’ บอกว่าเจ้าของเงินต้องการฝากเงินมาให้ ‘ชูวิทย์’ นำไปทำบุญ เพราะเห็นว่าเขาชอบทำบุญอยู่แล้ว และอยากจะปรึกษาเรื่องการทำธุรกิจอาบอบนวด โดย ‘ชูวิทย์’ ย้ำว่าเขาพยายามที่จะไม่รับเงินดังกล่าวแล้วแต่ไม่เป็นผล จึงจำใจรับไว้ และนำเงินดังกล่าวไปซื้อแคชเชียร์เช็ค เพื่อนำไปบริจาคให้กับโรงพยาบาลอย่างที่เจ้าของเงินตั้งใจไว้ ซึ่งนอกจากเงินสดจำนวน 6 ล้านบาท นำมามอบให้ตำรวจแล้ว เขายังนำหลักฐานเกี่ยวกับการซื้อเเคชเชียร์เช็ค และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการรับเงินก้อนนี้มามอบให้ตำรวจด้วย ย้ำว่าเงินที่ได้มาเขาไม่ได้ขู่เข็ญ ให้ใครนำมาให้ เพราะในภาพ ชายสองคนที่นำเงินมามอบให้ก็มีสีหน้ายิ้มแย้ม อีกทั้งจุดที่เขารับเงิน ก็ไม่ใช่จุดลับตาคนแต่อย่างใด
ช่วงหนึ่ง ‘ชูวิทย์’ ยังบอกว่า ตัวเองเป็นคนบาปหนา ทำบุญ ไม่ขึ้น แต่ที่ผ่านมาก็บริจาคเงินให้โรงพยาบาลมาตลอด และร่างกายก็บริจาคให้โรงพยาบาลด้วย เพราะรู้ตัวเองดีว่ามีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน และหลังจากตายไปแล้วก็อยากให้มีคนพูดถึงในเรื่องที่ดี ไม่ใช่ตายไปแล้วมีแต่คนด่า