









ไม่หวั่นแม้วันมีดราม่า! หลัง ‘ษิทรา เบี้ยบังเกิด’ หรือ ‘ทนายตั้ม’ ทนายความชื่อดัง ออกมาแฉว่า ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ มีพฤติกรรมแฉไปไถไป โดยเรียกรับเงินจากพวกทำธุรกิจสีเทา จนกลายเป็นข่าวใหญ่ของเมื่อวาน (23 มี.ค.) เเละได้กลายเป็นเอฟเฟกต์ สะเทือนไปถึง รพ.ศิริราช และ รพ.ธรรมศาสตร์ ที่ต้องออกมาประกาศขอคืนเงินบริจาคของ ‘ชูวิทย์’
โดยช่วงบ่ายที่ผ่านมา ‘ชูวิทย์’ ยังคงเดินหน้าทำกิจกรรมแจกเสื้อ สติกเกอร์ และเข็มกลัด เพื่อรณรงค์ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันและต่อต้านนโยบายกัญชาเสรี ที่บริเวณซอยเฉยพ่วง เขตจตุจักร พร้อมแถลงข่าวตอบโต้ ‘ทนายตั้ม’ และชี้แจงถึงแนวทางการต่อสู้ต่อจากนี้ว่า เมื่อวานมีผู้ใหญ่ในวงการการเมืองที่เขาเคารพ บอกให้เขาหาทางลงได้แล้ว แต่เขายืนยันจะสู้ต่อไปจนกว่าจะไม่ไหว และยินดีพลีชีพเพื่ออุดมการณ์ในเรื่องนี้
ส่วนประเด็นที่ถูก ‘ทนายตั้ม’ กล่าวหาว่าเขาเรียกรับผลประโยชน์จาก ‘สารวัตรซัว’ และกลุ่มคนที่ทำธุรกิจสีเทา ‘ชูวิทย์’ บอกว่าเขาได้มอบหมาย ‘ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช’ ดำเนินคดีกับ ‘ทนายตั้ม’ ในเรื่องนี้แล้ว เพราะมองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นกระบวนการที่ต้องการทำลายล้างเขาและลูก พร้อมย้อนถาม ‘ทนายตั้ม’ ว่ารับงานมาจากแก๊งเว็บพนัน ที่มี ‘สารวัตรซัว’ อยู่เบื้องหลังใช่หรือไม่ เพราะพฤติกรรมแบบนี้เหมือนกับพฤติกรรมของ ‘สันธนะ ประยูรรัตน์’ ที่มักจะออกมาเคลื่อนไหว เวลาที่เขาแฉเกี่ยวกับธุรกิจสีเทา ดังนั้นหาก ‘ทนายตั้ม’ เก่งจริงต้องไปฟ้องศาลหรือแจ้งความ ไม่ใช่ใช้สื่อออนไลน์เป็นเครื่องมือ
นอกจากนี้ ‘ชูวิทย์’ ยังโทรศัพท์ไปหา ‘ทนายอนันต์ชัย’ โดยเปิดสปีกเกอร์โฟนให้สื่อมวลชนได้รับฟังพร้อมกัน โดย ‘ทนายอนันต์ชัย’ อธิบายว่าการกระทำของ ‘ทนายตั้ม’ ถือว่าผิดมารยาททนายความ และหากยังไม่มีพยานหลักฐานชัดเจนแล้วนำมาเปิดเผยต่อสาธารณชน ถือว่าเข้าข่ายการหมิ่นประมาทด้วย
อีกประเด็นที่ ‘ชูวิทย์’ ชี้แจง คือ เรื่องที่เขานำเงินที่ ‘สารวัตรซัว’ ฝากตำรวจนำมาให้ จำนวน 6 ล้าน ไปบริจาคให้ รพ.ศิริราช และ รพ.ธรรมศาสตร์ โดย ‘ชูวิทย์’ มองว่าการที่เขาบริจาคเงินให้โรงพยาบาล ไม่เข้าข่ายฟอกเงิน เพราะเขาไม่ได้นำเงินไปซื้อทรัพย์สิน
ส่วนที่ ‘ทนายตั้ม’ ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดได้เงินสดมา แต่กลับไปบริจาคให้โรงพยาบาลเป็นแคชเชียร์เช็ค ‘ชูวิทย์’ ชี้แจงว่าโรงพยาบาลไม่รับเงินสด เขาจึงต้องนำเงินไปซื้อแคชเชียร์เช็ค แล้วนำไปบริจาค พร้อมยืนยันว่าไม่ได้โอนเงินที่ได้มาไปให้ใคร
ช่วงหนึ่ง ‘ชูวิทย์’ ได้พูดในทำนองว่า ตัวเขาเป็นโจร แต่เป็นโจรที่ไม่เอาประโยชน์ส่วนตัว และไม่เคยโอ้อวดความสีเทาของตัวเอง ดังนั้นอย่าเรียกเขาว่า ‘ฮีโร่’ เลย
โดยช่วงบ่ายที่ผ่านมา ‘ชูวิทย์’ ยังคงเดินหน้าทำกิจกรรมแจกเสื้อ สติกเกอร์ และเข็มกลัด เพื่อรณรงค์ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันและต่อต้านนโยบายกัญชาเสรี ที่บริเวณซอยเฉยพ่วง เขตจตุจักร พร้อมแถลงข่าวตอบโต้ ‘ทนายตั้ม’ และชี้แจงถึงแนวทางการต่อสู้ต่อจากนี้ว่า เมื่อวานมีผู้ใหญ่ในวงการการเมืองที่เขาเคารพ บอกให้เขาหาทางลงได้แล้ว แต่เขายืนยันจะสู้ต่อไปจนกว่าจะไม่ไหว และยินดีพลีชีพเพื่ออุดมการณ์ในเรื่องนี้
ส่วนประเด็นที่ถูก ‘ทนายตั้ม’ กล่าวหาว่าเขาเรียกรับผลประโยชน์จาก ‘สารวัตรซัว’ และกลุ่มคนที่ทำธุรกิจสีเทา ‘ชูวิทย์’ บอกว่าเขาได้มอบหมาย ‘ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช’ ดำเนินคดีกับ ‘ทนายตั้ม’ ในเรื่องนี้แล้ว เพราะมองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นกระบวนการที่ต้องการทำลายล้างเขาและลูก พร้อมย้อนถาม ‘ทนายตั้ม’ ว่ารับงานมาจากแก๊งเว็บพนัน ที่มี ‘สารวัตรซัว’ อยู่เบื้องหลังใช่หรือไม่ เพราะพฤติกรรมแบบนี้เหมือนกับพฤติกรรมของ ‘สันธนะ ประยูรรัตน์’ ที่มักจะออกมาเคลื่อนไหว เวลาที่เขาแฉเกี่ยวกับธุรกิจสีเทา ดังนั้นหาก ‘ทนายตั้ม’ เก่งจริงต้องไปฟ้องศาลหรือแจ้งความ ไม่ใช่ใช้สื่อออนไลน์เป็นเครื่องมือ
นอกจากนี้ ‘ชูวิทย์’ ยังโทรศัพท์ไปหา ‘ทนายอนันต์ชัย’ โดยเปิดสปีกเกอร์โฟนให้สื่อมวลชนได้รับฟังพร้อมกัน โดย ‘ทนายอนันต์ชัย’ อธิบายว่าการกระทำของ ‘ทนายตั้ม’ ถือว่าผิดมารยาททนายความ และหากยังไม่มีพยานหลักฐานชัดเจนแล้วนำมาเปิดเผยต่อสาธารณชน ถือว่าเข้าข่ายการหมิ่นประมาทด้วย
อีกประเด็นที่ ‘ชูวิทย์’ ชี้แจง คือ เรื่องที่เขานำเงินที่ ‘สารวัตรซัว’ ฝากตำรวจนำมาให้ จำนวน 6 ล้าน ไปบริจาคให้ รพ.ศิริราช และ รพ.ธรรมศาสตร์ โดย ‘ชูวิทย์’ มองว่าการที่เขาบริจาคเงินให้โรงพยาบาล ไม่เข้าข่ายฟอกเงิน เพราะเขาไม่ได้นำเงินไปซื้อทรัพย์สิน
ส่วนที่ ‘ทนายตั้ม’ ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดได้เงินสดมา แต่กลับไปบริจาคให้โรงพยาบาลเป็นแคชเชียร์เช็ค ‘ชูวิทย์’ ชี้แจงว่าโรงพยาบาลไม่รับเงินสด เขาจึงต้องนำเงินไปซื้อแคชเชียร์เช็ค แล้วนำไปบริจาค พร้อมยืนยันว่าไม่ได้โอนเงินที่ได้มาไปให้ใคร
ช่วงหนึ่ง ‘ชูวิทย์’ ได้พูดในทำนองว่า ตัวเขาเป็นโจร แต่เป็นโจรที่ไม่เอาประโยชน์ส่วนตัว และไม่เคยโอ้อวดความสีเทาของตัวเอง ดังนั้นอย่าเรียกเขาว่า ‘ฮีโร่’ เลย