






ช่วงหนึ่ง ชูวิทย์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงงานแถลงข่าว เปิดตัวพยานชาวสิงคโปร์ เพื่อนของดาราสาวไต้หวัน ที่เป็นคนจ่ายเงินให้กับตำรวจ จำนวน 27,000 บาท ในเวลา 14.00 น. วันนี้ว่า พยานคนนี้รู้สึกไว้ใจเขามากกว่าตำรวจ โดยพยานเป็นคนติดต่อมาเอง หลังจากที่ถามเพื่อนชาวไทยว่าไว้ใจเขาได้หรือไม่ ย้ำว่าพยานหนุ่มสิงคโปร์คนนี้ เป็นคนที่จ่ายเงินให้กับตำรวจ เพราะถูกรีดไถ่ ไม่ใช่การจ่ายสินบน โดยพยานจะเล่าเหตุการณ์ไทม์ไลน์วันเกิดเหตุทั้งหมดให้ฟังการแถลงข่าวบ่ายนี้ ภายใต้กติตาว่าจะตอบคำถามสื่อแค่ในวงสัมภาษณ์เท่านั้น เพราะพยานรู้สึกกังวลเรื่องความปลอดภัย
‘ชูวิทย์’ ยังบอกว่าหาก ตำรวจ ต้องการสอบปากคำพยานคนนี้ เขาจะให้เวลา พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แค่เวลา 15.00 น. เท่านั้น พร้อมวางเงื่อนไขว่าต้องนำรูปภาพของ ตำรวจทุกคนที่ตั้งด่านในวันเกิดเหตุมาให้พยานชี้ตัวด้วย เพราะพยานไม่อยากไปสถานีตำรวจ เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัย แต่หาก ผบ.ตร. ไม่ส่งคณะทำงานมา ก็ไม่มีปัญหาอะไร ถือว่าให้โอกาสแล้ว และเขาจะไม่ให้ตำรวจพบพยานอีก โดยจะส่งตัวพยานกลับทันที ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดเขาเป็นคนออกให้
นอกจากนี้ ชูวิทย์ ยังดักทางตำรวจว่า อย่านำเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งป็นเรื่องเล็ก มาบังเรื่องไถเงินที่เป็นเรื่องใหญ่ เพราะผู้เสียหายเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ไม่รู้เรื่องกฎหมายไทย ขณะที่ในประเทศไทยก็มีบุหรี่ไฟฟ้าเกลื่อน ไม่เว้นแม้แต่ตำรวจที่เป็นคนสูบบุหรี่ไฟฟ้าเสียเอง และมองว่าการที่ตั้งความผิดตาม มาตรา 157 กับ ตำรวจ ที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เป็นการเบี่่ยงประเด็นเท่านั้น พร้อมฝากถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้มาดูแลองค์กรตำรวจและแก้ปัญหาคอร์รัปชันให้ได้ เพราะหากทำได้ ไม่จำเป็นต้องไปเดินผูกผ้าขาวม้าหาเสียง ก็สามารถกลับมาเป็นนายกฯ ได้อีกสมัยแน่นอน
ขณะที่ พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ เขาเชื่อว่าเป็นคนดี แต่เมื่อลูกน้องไม่ดีก็จำเป็นต้องตัดนิ้วทิ้ง และอาจจะต้องยอมตัดแขนทิ้ง เพื่อรักษาชีวิตไว้ พร้อมพูดติดตลกว่า “ให้รู้กันไปว่าวันนี้รถขนร่างอาจารย์ใหญ่ที่ เขานำมาบริจาคให้กับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จะนำไปขนใครในกองบัญชาการตำรวจนครบาล”
‘ชูวิทย์’ ยังบอกว่าหาก ตำรวจ ต้องการสอบปากคำพยานคนนี้ เขาจะให้เวลา พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แค่เวลา 15.00 น. เท่านั้น พร้อมวางเงื่อนไขว่าต้องนำรูปภาพของ ตำรวจทุกคนที่ตั้งด่านในวันเกิดเหตุมาให้พยานชี้ตัวด้วย เพราะพยานไม่อยากไปสถานีตำรวจ เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัย แต่หาก ผบ.ตร. ไม่ส่งคณะทำงานมา ก็ไม่มีปัญหาอะไร ถือว่าให้โอกาสแล้ว และเขาจะไม่ให้ตำรวจพบพยานอีก โดยจะส่งตัวพยานกลับทันที ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดเขาเป็นคนออกให้
นอกจากนี้ ชูวิทย์ ยังดักทางตำรวจว่า อย่านำเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งป็นเรื่องเล็ก มาบังเรื่องไถเงินที่เป็นเรื่องใหญ่ เพราะผู้เสียหายเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ไม่รู้เรื่องกฎหมายไทย ขณะที่ในประเทศไทยก็มีบุหรี่ไฟฟ้าเกลื่อน ไม่เว้นแม้แต่ตำรวจที่เป็นคนสูบบุหรี่ไฟฟ้าเสียเอง และมองว่าการที่ตั้งความผิดตาม มาตรา 157 กับ ตำรวจ ที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เป็นการเบี่่ยงประเด็นเท่านั้น พร้อมฝากถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้มาดูแลองค์กรตำรวจและแก้ปัญหาคอร์รัปชันให้ได้ เพราะหากทำได้ ไม่จำเป็นต้องไปเดินผูกผ้าขาวม้าหาเสียง ก็สามารถกลับมาเป็นนายกฯ ได้อีกสมัยแน่นอน
ขณะที่ พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ เขาเชื่อว่าเป็นคนดี แต่เมื่อลูกน้องไม่ดีก็จำเป็นต้องตัดนิ้วทิ้ง และอาจจะต้องยอมตัดแขนทิ้ง เพื่อรักษาชีวิตไว้ พร้อมพูดติดตลกว่า “ให้รู้กันไปว่าวันนี้รถขนร่างอาจารย์ใหญ่ที่ เขานำมาบริจาคให้กับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จะนำไปขนใครในกองบัญชาการตำรวจนครบาล”