วันนี้ (24 พ.ย.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แถลงผลการดำเนินคดีกับ กลุ่มเครือข่ายลักลอบขนถ่าย ‘น้ำมันดีเซล’ หรือ ‘น้ำมันเขียว’ ไปจำหน่ายนอกราชอาณาจักร
สำหรับของกลางในคดีนี้ พบ ‘น้ำมันเขียว’ กว่า 23 ล้านลิตร และหากคิดค่าปรับตามฐานความผิด ‘ร่วมกันขนถ่ายสินค้าในเขตต่อเนื่องโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ’ อันเป็นความผิด ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร ที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของรวมอากร ในคดีนี้มีค่าปรับสูงกว่า 2,700 ล้านบาท
ส่วนสถานที่ที่ตรวจพบการกระทำผิด คือ บริเวณเขตน่านน้ำ ภายในทะเลอาณาเขต และเขตต่อเนื่องฝั่งอ่าวไทย โดยเจ้าหน้าที่เริ่มสืบสวนคดีนี้ เมื่อช่วงกลางปี 2565 และได้รวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานต่างๆ จนนำมาสู่การจับกุมในวันนี้

โดยพฤติการณ์ของผู้ต้องหากลุ่มนี้ สืบเนื่องจากโครงการจำหน่ายน้ำมันเขียว หรือการจำหน่ายน้ำมันดีเซลให้กับชาวประมงในราคาถูก โดยเป็นน้ำมันดีเซลที่ผลิตมาจากโรงกลั่นน้ำมันภายในประเทศที่ได้รับการยกเว้นภาษีสรรพสามิตและเงินนำส่งกองทุนต่างๆ ของกระทรวงพลังงาน ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2543 ซึ่งจะทำให้น้ำมันเขียวที่ขายกันอยู่กลางทะเล ( ในเขตต่อเนื่องของราชอาณาจักร ) มีราคาถูกกว่าน้ำมันดีเซลที่ขายอยู่บนบก เพื่อให้ต้นทุนการทำประมงถูกลง และสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้
แต่เนื่องจากเกิดปัญหาร้องเรียนว่า มีขบวนการลักลอบนำน้ำมันเขียวที่ได้รับยกเว้นภาษีกลับเข้ามาขนถ่ายและขายในเขตน่านน้ำภายในทะเล อาณาเขตฝั่งอ่าวไทย รวมถึงแอบขนถ่ายให้กับเรือโดยไม่ได้ขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ศุลกากร สร้างความเสียหายต่อประเทศชาติ และเป็นการเอารัดเอาเปรียบผู้ใช้น้ำมันบนฝั่งซึ่งไม่ได้รับการยกเว้นภาษี
อีกทั้งยังส่งผลกระทบไปถึงกลุ่มพี่น้องเรือประมงที่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ไม่มีน้ำมันเขียวเพียงพอที่จะเติมได้ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จึงได้ตั้งคณะพนักงานสืบสวนสวนคดีดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) และกรมสรรพสามิต จนสามารถจับกลุ่มเครือข่ายนี้ได้
เบื้องต้นจากสอบถามคำให้การผู้ต้องหา ผู้กระทำความผิดส่วนใหญ่ให้การรับสารภาพ แต่ยังมีบางส่วนที่ให้การปฏิเสธ