



วันนี้ (28 พ.ย) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ปอท. , พ.ต.อ.กฤษฎาพร ปานโปร่ง รอง ผบก.ปอท. , พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.2 บก.ปอท. และ พ.ต.ท.นิธิ ตรีสุวรรณ รอง ผกก.2 บก.ปอท. ได้แถลงผลการกวาดล้างผู้ค้าปืนออนไลน์ หลังเข้าตรวจค้นกว่า 21 จุด ทั่วประเทศ
สำหรับปฏิบัติการครั้งนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องได้ทั้งหมด 16 ราย แบ่งเป็น 3 เคส เคสแรกเป็นกลุ่มเครือข่ายที่ลักลอบซื้อขายอาวุธปืนผ่านโซเชียล
เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปอท. จึงร่วมบูรณาการกับหลายหน่วยงานของตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการกวาดล้างผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการจำหน่ายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนผ่านโซเชียลมีเดีย จำนวน 3 กรณี ได้แก่ กรณีการตรวจต้นจับกุมกลุ่มเครือข่ายลักลอบซื้อขายอาวุธปืนผ่านสื่อสังคมออนไลน์, กรณีหลอกลวงซื้อขายอาวุธปืนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ และการปิดกั้น URL ที่มีการประกาศขายอาวุธปืนผ่านสังคมออนไลน์
เคสแรก ปฏิบัติการตรวจค้นจับกุมกลุ่มเครือข่ายที่ลักลอบซื้อขายอาวุธปืนผ่านสื่อสังคมออนไลน์
โดยเจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมา จำนวน 21 จุด ใน 12 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร, ปทุมธานี, นนทบุรี, สมุทรสาคร, สมุทรปราการ, พระนครศรีอยุธยา, ชลบุรี, อุดรธานี, พิจิตร, เชียงใหม่, กาญจนบุรี และนครศรีธรรมราช และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 8 ราย
ในจำนวนนี้คือ ‘อภิเชษฐ์’ อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่มี สน.ยานยาวา เป็นเจ้าของคดี หลังตรวจพบว่าเป็นเป็นผู้ที่ขายกระสุนปืนขนาด .38 ให้กับเยาวชนชาย อายุ 14 ปี ที่เป็นผู้ต้องหาในคดีกราดยิงในศูนย์การค้าสยามพารากอน
โดย ‘พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ’ ผกก.2 บก.ปอท. เปิดเผยว่า ‘อภิเชษฐ์’ ได้ส่งมอบกระสุนปืนให้กับเยาวชนชาย อายุ 14 ปี ในวันที่ 3 ต.ค. ที่ผ่านมา ก่อนที่ในช่วงเย็นวันเดียวกันเยาวชนชายคนดังกล่าวจะก่อเหตุกราดยิงภายในห้างสรรพสินค้า
เบื้องต้น ‘อภิเชษฐ์’ ยังคงให้การปฏิเสธ อ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว ส่วนปืนของกลางที่ตรวจพบ เป็นปืนที่มีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย จึงไม่ได้สามารถตรวจยึดได้ ส่วนตัวของผู้ต้องหารายนี้ เจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา เจ้าของคดีดำเนินการต่อแล้ว
สำหรับของกลางที่ตรวจยึดได้เป็นปืน จำนวน 12 กระบอก ประกอบด้วย ปืนยาว 4 กระบอก , ปืนสั้น 3 กระบอก , ปืนแบลงค์กัน 3 กระบอก , ปืนไทยประดิษฐ์ 2 กระบอก , เครื่องกระสุนหลายขนาด รวม 110 นัด และอุปกรณ์ส่วนควบ เช่น ที่เก็บเสียง ลำกล้อง ชุดลั่นไก และลำกล้อง กว่า 22 ชิ้น
ส่วนเคสที่ 2 เป็นปฏิบัติการติดตามจับกุมคนร้ายที่ฉ้อโกงด้วยการหลอกลวงขายอาวุธปืนผ่านโซเชียล โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ จำนวน 8 ราย ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
และเคสที่ 3 เป็นการปิดกั้น URL ที่มีการประกาศขายปืนผ่าน Facebook และ Twitter ได้ทั้งหมด 146 URL แบ่งเป็น แบ่งเป็น Facebook จำนวน 48 URL และ Twitter จำนวน 98 URL