‘พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์’ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดีดิไอคอน ที่กองบังคับการปราบปราม ตำรวจสอบสวนกลาง หลังประชุมร่วมกับคณะทำงานประมาณ 1 ชั่วโมง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พร้อมคณะได้ลงมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยใช้เวลาประมาณ 40 นาที
‘พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ’ ระบุว่า คดีนี้มีผู้เข้ามาแสดงตัวเป็นผู้เสียหายแล้วประมาณ 6,000 ราย ความเสียหายกว่า 2,000 ล้านบาท
ส่วนประเด็นอื่นๆ อยู่ระหว่างการขยายผล และรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยวันนี้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจค้นอีก 11 จุด ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มพนักงานและบุคคลใกล้ชิดกับผู้ต้องหาทั้ง 18 คน พร้อมให้ความเชื่อมั่นว่าตำรวจสามารถปิดคดีนี้ได้ภายใน 48 วัน หรือก่อนครบฝากขัง 4 ผลัด
ส่วนการออกหมายจับผู้ต้องหาล็อตสอง ‘พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ’ ระบุว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบพยานหลักฐาน หากมีความชัดเจนพร้อมดำเนินการตามกฎหมายทันที ไม่มีละเว้น รวมถึงหากพบว่ามีความผิดฐานฟอกเงิน หรือความผิดมูลฐานอื่นๆ ก็พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
ส่วนเรื่องเงินคริปโทเคอร์เรนซีที่มี ‘คนดัง’ ออกมาให้ข้อมูลว่ามีหนึ่งในผู้ต้องหาถ่ายโอนทรัพย์สินออกไปก่อนถูกตำรวจจับกุม ‘พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ’ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องไปเยอะแล้ว แต่ต้องฝากไปถึงผู้จัดรายการต่างๆ และเหล่าอินฟลูฯ คนดัง ว่า ก่อนจะนำข้อมูลใดมาน้ำเสนอควรตวจสอบให้ดีก่อนเผยแพร่ เพราะไม่เช่นนั้นอาจทำให้สังคมไขว้เขว และหากข้อมูลนั้นเป็นเท็จ ท่านต้องรับผิดชอบและอาจถูกดำเนินคดีฐานให้ข้อมูลเท็จได้

นอกจากนี้ ‘พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ’ ยังระบุถึงคลิปเสียงการสนทนของ ‘นักร้องและนักการเมือง’ ว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เบื้องต้นบอสพอลยืนยันว่าคลิปเสียงที่ปรากฎออกมาเป็นเสียงของเขาจริง ซึ่งเจ้าหน้าที่อาจเชิญบุคคลที่อยู่ในคลิปเสียงมาสอบปากคำเพิ่มเติม ส่วนกรณีของ ‘ว.วชิระเมธี’ เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องใช้ดุลยพินิจและวิจารณญาณอย่างมาก แต่ยืนยันว่าทุกอย่างว่ากันด้วยพยานหลักฐาน หากผิดก็ว่าไปตามผิด
อีกประเด็นที่สังคมสงสัย คือ สถานะภาพของ ‘บอสพอล’ ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็น ‘ต่างด้าว’ หรือไม่ เนื่องจากมีเลขนำหน้าบัตรประชาชน เป็นเลข 5 ‘พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช’ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ระบุว่า เบื้องต้นทราบว่าเป็นการตกสำรวจ จึงมีการไปเพิ่มชื่อภายหลัง เบื้องต้นจึงยังยืนยันว่า ‘บอสพอล’ เป็นคนไทย ไม่ใช่ต่างด้าว