
การคลี่คลาย ‘คดีกำนันนก’ คืบหน้าไปอีกขั้น โดยวันนี้ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) นำแถลงความคืบหน้าคดี พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ สารวัตรแบงค์ สารวัตรตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง (สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.) ถูกยิงเสียชีวิตในงานเลี้ยงที่บ้าน ประวีณ จันทร์คล้าย หรือ กำนันนก ในพื้นที่ จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย สำนวนการสอบสวนมีความครบถ้วนสมบูรณ์ โดยแบ่งออกเป็น 2 คดี
คดีที่ 1 คดีของ 'กำนันนก' (เลขคดี 24/2566)
- มีพยานผู้รู้เห็นเหตุการณ์ พยานผู้เชี่ยวชาญ พยานแวดล้อม รวมทั้งสิ้น 67 ปาก
- มีพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ใช้ยืนยันการกระทําความผิดของกํานันนก
- พนักงานสอบสวนมีความเห็น “สั่งฟ้อง” กำนันนก ในข้อหา “ผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐาน ฆ่าผู้อื่น และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยพลาด” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 60 ประกอบมาตรา 84
- คดีของ ธนัญชัย หรือหน่อง ท่าผา ลูกน้องกำนันนก พนักงานสอบสวน มีความเห็น “สั่งไม่ฟ้อง” เนื่องจากสิทธินําคดีอาญามาฟ้องระงับไป ด้วยเหตุถึงแก่ความตาย

คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ (เลขคดี 25/2566)
- มีพยานผู้รู้เห็นเหตุการณ์ พยานผู้เชี่ยวชาญ พยานแวดล้อม รวมทั้งสิ้น 44 ปาก
- มีพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ใช้ยืนยันการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ละราย
- พนักงานสอบสวนมีความเห็น “สั่งฟ้อง” ผู้ต้องหาซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีพฤติการณ์ไม่จับกุมผู้ต้องหา ไม่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บหรือผู้เสียชีวิต ไม่ทำการสืบสวนไปตามหน้าที่ ทำให้ผู้ต้องหาหลบหนี พยานหลักฐานในที่เกิดเหตุถูกทำให้เสียหาย สูญหาย ถูกทำลาย ทำให้เสียหายต่อการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด รวมทั้งสิ้น 21 ราย (อยู่ในเรือนจำ 6 ราย, แจ้งข้อหาโดยไม่ควบคุม 15 ราย) ในข้อหา “เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172
- ดำเนินคดีกับผู้สนับสนุนการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ฯ และทําลายซ่อนเร้นพยานหลักฐานอีก 7 ราย ประกอบด้วย กลุ่มลูกน้องคนสนิทและตัวกำนันนก
โดยในวันที่ 16 พฤศจิกายนนี้ ตํารวจสอบสวนกลาง จะนัดส่งสํานวนการสอบสวนทั้ง 2 สํานวน ไปยังพนักงานอัยการสํานักงานคดีปราบปรามการทุจริต เพื่อฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ต่อไป

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า แม้จนถึงตอนนี้ ตัวกำนันนกยังคงปฏิเสธ ก็ไม่ได้หนักใจ เพราะมั่นใจในพยานหลักฐานที่มีอยู่ว่าแน่นหนาเพียงพอ หากให้ประเมินเป็นตัวเลขก็ต้องบอกว่ามั่นใจเกิน 90%
ที่ผ่านมา ทำเต็มที่ทุกคดี ไม่ใช่เฉพาะเพียงแค่คดีนี้ อีกทั้งคดีนี้ผู้เสียชีวิตเป็นคนดี เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ต้องทุ่มเทเต็มที่เหมือนทุกๆคดีอยู่แล้ว ส่วนตัวกำนันนกจะมีอิทธิพลมากมายแค่ไหน ขอให้เชื่อว่าไม่เคยเกรงกลัวใคร ไม่เคยหวั่นเกรงอิทธิพลกำนันนก เพราะไม่มีอยู่นอกเหนือกฎหมายได้ ฉะนั้นไม่มีอ่อนข้อให้แน่นอน
ส่วนเรื่องตรวจสอบการฮั้วประมูลธุรกิจของกำนันนกนั้น อยู่ในความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพราะเป็นคดีพิเศษ ซึ่งที่ผ่านมา ตำรวจสอบสวนกลางได้ส่งมอบข้อมูลสืบสวนที่มีอยู่ทั้งหมดให้กับทางดีเอสไอ ไปหมดแล้ว และหลังจากนี้ จะมีการยื่นเรื่องไปยังกระทรวงยุติธรรม เพื่อขออนุมัติให้ตำรวจสอบสวนกลางสามารถเข้าร่วมทำคดีนี้กับทางดีเอสไอได้

ด้าน พ.ต.อ. ปทักข์ ขวัญนา ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม กล่าวว่า เรื่องกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุบ้านกำนันนก ขณะนี้ผลตรวจออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งข้อมูลที่ได้รับเป็นไปในทิศทางเดียวกับรูปคดีที่ตำรวจสืบสวนสอบสวน ไม่มีขัดแย้ง ขณะที่ในส่วนของการตรวจสอบอาวุธปืนในกลุ่มเครือข่ายของกำนันนก พบว่า มีลูกน้องของกำนันนกรายหนึ่ง เคยก่อคดีในพื้นที่แต่สำนวนคดีไม่ถูกสั่งฟ้อง จึงประสานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอรับคดีดังกล่าวมาอยู่ในความรับผิดชอบ เพื่อจัดกำลังลงพื้นที่สืบหาข้อมูลรื้อฟื้นคดีขึ้นมาขยายผลตรวจสอบอีกครั้ง