เป็นเวลากว่า 28 ชั่วโมง ที่ ‘พ.ต.ท.กิตติกานต์ แสงบุญ’ หรือ ‘สารวัตรกานต์’ อายุ 51 ปี สารวัตรฝ่ายปกครอง ศูนย์พัฒนาด้านการข่าว กองบัญชาการตำรวจสันติบาล เกิดอาการคลุ้มคลั่ง ใช้ปืนยิงออกมาจากภายในบ้านพัก ย่านสายไหม อยู่เป็นระยะ ตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 08.00 น. ของวันที่ 14 มี.ค. ที่ผ่านมา จนนำมาสู่การปิดล้อมพื้นที่ โดยตำรวจ สน.สายไหม ได้ขอกำลังสนับสนุนจากหน่วยรบพิเศษหลายชุด เช่น ชุดดคอมมานโด ชุดอรินทราช 26 มาตรึงกำลังสลับกับการยกระดับยุทธวิธีเพื่อควบคุมสถานการณ์ ตั้งแต่การให้คนในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน อดีตผู้บังคับบัญชา รวมถึงนักจิตวิทยา เข้าเจรจาเกลี้ยกล่อมแต่ไม่เป็นผล
กระทั้งเหตุการณ์ได้ยืดเยื้อ เจ้าหน้าที่จึงได้ตัดสินใจอพยพคนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับบ้านผู้ก่อเหตุ ให้ออกนอกพื้นที่ เเละในช่วงเย็นวานที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้เริ่มยิงแก๊สน้ำตาเข้าไปเพื่อกดดันให้ผู้ก่อเหตุมอบตัว แต่ไม่เป็นผล โดยผู้ก่อเหตุได้ใช้ปืนยิงตอบโต้กลับมายังเจ้าหน้าที่ และเกิดการปะทะกันหลายครั้ง จนเวลาได้ล่วงเลยมาถึงช่วงเช้าของวันที่ 15 มี.ค. เพื่อนร่วมงานของผู้ก่อเหตุ และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้เข้ามาเจรจาเกลี้ยกล่อมแต่ไม่สำเร็จ
จึงนำมาสู่ปฎิบัติการครั้งสุดท้าย ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 11.52 น. โดยตำรวจ ได้เริ่มขยับกระชับพื้นที่เข้าไปบ้านผู้ก่อเหตุ จากนั้นทั้ง 2 ฝ่าย เกิดการสาดกระสุนกันไปมาอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ชุดจู่โจมจะใช้ระเบิดควัน และบุกเข้าไปในบ้าน โดยที่ผู้ก่อเหตุได้ยิงปืนสวนกลับมา แต่ไม่นานเสียงปืนจากทั้งสองฝ่ายได้เงียบลง พร้อมกับมีรถพยาบาลได้เข้ามานำตัวผู้ก่อเหตุ ที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บออกจากนอกพื้นที่ โดยรายงานข่าวแจ้งว่าขณะนี้ ‘สารวัตรกานต์’ อยู่ระหว่างการพักรักษาตัวที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลภูมิพล
ด้าน พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 (ผบก.น.2) เปิดเผยว่า ตอนนี้ ‘สารวัตรกานต์’ อยู่ในความดูแลของแพทย์เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะต้องผ่าตัด เนื่องจากมีเลือดออกในบริเวณช่องท้อง อาการค่อนข้างสาหัส โดยแพทย์ยังไม่ได้ระบุว่าว่าผู้บาดเจ็บถูกยิงกี่จุด และบริเวณไหนบ้าง
ทั้งนี้ก่อนเริ่มปฎิบัติการเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุมีความเชื่อเรื่องพระเจ้าและซาตาน พร้อมย้ำว่าตัวผู้ก่อเหตุ ยังไม่ใช่ผู้ต้องหา เพราะยังไม่มีการจับใครเป็นตัวประกัน หรือ ทำร้ายใคร แต่เป็นผู้ป่วยจิตเวช โดยตอนนี้ได้ให้กรรมการตำรวจพิจารณาให้ผู้ก่อเหตุออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว
ส่วนประชาชน ที่ได้รับความเสียหายทางทรัพย์สินจากปฎิบัติการครั้งนี้ ยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมที่จะเยียวยาทุกอย่าง
กระทั้งเหตุการณ์ได้ยืดเยื้อ เจ้าหน้าที่จึงได้ตัดสินใจอพยพคนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับบ้านผู้ก่อเหตุ ให้ออกนอกพื้นที่ เเละในช่วงเย็นวานที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้เริ่มยิงแก๊สน้ำตาเข้าไปเพื่อกดดันให้ผู้ก่อเหตุมอบตัว แต่ไม่เป็นผล โดยผู้ก่อเหตุได้ใช้ปืนยิงตอบโต้กลับมายังเจ้าหน้าที่ และเกิดการปะทะกันหลายครั้ง จนเวลาได้ล่วงเลยมาถึงช่วงเช้าของวันที่ 15 มี.ค. เพื่อนร่วมงานของผู้ก่อเหตุ และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้เข้ามาเจรจาเกลี้ยกล่อมแต่ไม่สำเร็จ
จึงนำมาสู่ปฎิบัติการครั้งสุดท้าย ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 11.52 น. โดยตำรวจ ได้เริ่มขยับกระชับพื้นที่เข้าไปบ้านผู้ก่อเหตุ จากนั้นทั้ง 2 ฝ่าย เกิดการสาดกระสุนกันไปมาอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ชุดจู่โจมจะใช้ระเบิดควัน และบุกเข้าไปในบ้าน โดยที่ผู้ก่อเหตุได้ยิงปืนสวนกลับมา แต่ไม่นานเสียงปืนจากทั้งสองฝ่ายได้เงียบลง พร้อมกับมีรถพยาบาลได้เข้ามานำตัวผู้ก่อเหตุ ที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บออกจากนอกพื้นที่ โดยรายงานข่าวแจ้งว่าขณะนี้ ‘สารวัตรกานต์’ อยู่ระหว่างการพักรักษาตัวที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลภูมิพล
ด้าน พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 (ผบก.น.2) เปิดเผยว่า ตอนนี้ ‘สารวัตรกานต์’ อยู่ในความดูแลของแพทย์เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะต้องผ่าตัด เนื่องจากมีเลือดออกในบริเวณช่องท้อง อาการค่อนข้างสาหัส โดยแพทย์ยังไม่ได้ระบุว่าว่าผู้บาดเจ็บถูกยิงกี่จุด และบริเวณไหนบ้าง
ทั้งนี้ก่อนเริ่มปฎิบัติการเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุมีความเชื่อเรื่องพระเจ้าและซาตาน พร้อมย้ำว่าตัวผู้ก่อเหตุ ยังไม่ใช่ผู้ต้องหา เพราะยังไม่มีการจับใครเป็นตัวประกัน หรือ ทำร้ายใคร แต่เป็นผู้ป่วยจิตเวช โดยตอนนี้ได้ให้กรรมการตำรวจพิจารณาให้ผู้ก่อเหตุออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว
ส่วนประชาชน ที่ได้รับความเสียหายทางทรัพย์สินจากปฎิบัติการครั้งนี้ ยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมที่จะเยียวยาทุกอย่าง
