ภายหลังเกิดเหตุการณ์กราดยิงภายในห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีและการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดยมีความเห็นให้ตั้งศูนย์อำนวยการบริหารสถานการณ์ ขึ้นมา
ล่าสุดวันนี้ (6 ต.ค.) ที่กระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงข่าวผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการบริหารสถานการณ์ โดย จักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่าประเทศไทยให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอให้เชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคนด้วยความปลอดภัย
นอกจากนี้กระทรวงการต่างประเทศ ได้ประสานงานไปยังสถานเอกอัครราชทูตที่เกี่ยวข้องทั้ง จีน ลาว และเมียนมาเพื่อให้ความช่วยเหลือ และเยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบแล้ว โดยคืนนี้ แม่ของผู้เสียชีวิตชาวเมียนมาจะเดินทางมาทำพิธีทางศาสนาที่ไทยในช่วงค่ำวันนี้
อีกทั้งในช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวจีนได้
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ขณะนี้ผู้ก่อเหตุได้ถูกคุมตัวไปสถานพินิจและคุ้มครองเด็กแล้ว หลังศาลไม่ให้ประกันตัว
ส่วนการเยียวยาผู้เสียชีวิต ภาครัฐจะมอบเงินเยียวยาแก่ผู้เสียชีวิตจำนวน 1.2 ล้านบาท และศูนย์การค้าสยามพารากอน ร่วมมอบอีกรายละ 5 ล้านบาท ดังนั้นผู้เสียชีวิตจะได้รับรายละ 6.2 ล้านบาท
ส่วนผู้บาดเจ็บ 5 ราย เมื่อออกจากโรงพยาบาล ภาครัฐจะเยียวยารายละ 50,000 บาท และศูนย์การค้าสยามพารากอน ร่วมมอบอีกรายละ 300,000 บาท รวมเป็นรายละ 350,000 บาท
นอกจากนี้ บริษัทกิฟฟารีน แสดงความประสงค์มอบเงินสมทบให้ภาครัฐนำไปร่วมดำเนินการเยียวยาอีก 1 ล้านบาท ซึ่งรายละเอียดจะนำไปพิจารณาต่อไป
ขณะที่ สุดาวรรณ หวังสุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมเปิดเผยว่าตอนนี้ผู้บาดเจ็บทั้ง 5 ราย อาการดีขึ้นแล้ว ส่วนมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ ยังไม่สามารถประเมินได้ คาดต้องใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ถึงจะรู้ผล และจะกำชับให้ห้างสรรพสินค้าเพิ่มความปลอดภัยและจุดสแกนกระเป๋าให้มากขึ้น
ส่วนความคืบหน้าทางคดี พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ระบุว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้วางมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันเหตุการณ์ซ้ำรอย ไว้ 3 ระยะ ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว
โดยระยะสั้นจะมีการขยายผลกวาดล้างแหล่งจำหน่ายอาวุธปืน และสิ่งเทียมอาวุธ ทั้งในออนไลน์และทั่วไป
ส่วนมาตรการระยะกลาง จะเป็นการจัดฝึกอบรมการเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ร้ายให้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง
และในระยะยาว จะมีการแก้กฎหมายการครอบครองอาวุธปืน ให้ทันสมัยและครอบคลุมมากขึ้น
ทั้งนี้ในการสวดอภิธรรมผู้เสียชีวิตชาวเมียนมาในคืนพรุ่งนี้ (7 ต.ค.) ที่ประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะเป็นเจ้าภาพ และส่วนวันที่ 8 ต.ค. ซึ่งเป็นวันฌาปนกิจ กระทรวงยุติธรรมจะเดินทางไปร่วมงานด้วย
