ปฏิบัติการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใช้คำสวยหรูว่า “Big Cleaning Day” ในช่วงเช้าของวันที่ 25 กันยายน ไม่เพียงสะเทือนไปทั้งวงการสีกากี แต่ยังเป็นปฏิบัติการช็อกทั้งประเทศ
เมื่อปรากฏภาพการนำกำลังพร้อมอาวุธครบมือเข้าตรวจค้นบ้าน 5 หลังในซอยวิภาวดีรังสิต 60 และหนึ่งในนั้นเป็นบ้านที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ ‘บิ๊กโจ๊ก’ รอง ผบ.ตร.คนดัง ใช้เป็นที่พักผ่อนระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในศูนย์ปฏิบัติการชั่วคราวที่สโมสรตำรวจ
ภาพ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ในชุดกางเกงขาสั้นและเสื้อยืดสีขาว สวมถุงเท้า ไม่ใส่แม้กระทั่งรองเท้าแตะ ขณะออกมาพบกำลังตำรวจที่นำหมายค้นไปขอเข้าตรวจ สะท้อนชัดว่าไม่รู้ล่วงหน้าว่าจะมีเหตุการณ์ตรวจค้นในลักษณะนี้
ภาพนั้นปรากฏไปทั่วประเทศ ผ่านรายงานสดจากทีมข่าวในรายการ “เจาะลึกทั่วไทย” ของ หมาแก่-ดนัย เอกมหาสวัสดิ์ จนกลบทุกข่าวที่เกิดขึ้น




กำลังติดอาวุธครบมือท่าทางขึงขังพร้อมหมายค้นที่ประหนึ่งเข้าตรวจค้นสถานที่สำคัญ และจับกุมอาชญากรสำคัญระดับประเทศ ไม่เพียงสร้างความกังขาให้กับ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ที่เป็นเป้าหมายการตรวจค้น
แต่ยังสร้างความคลางแคลงใจให้กับทุกสายตาที่จับจ้องมองผ่านการรายงานของสื่อ!
จากนายตำรวจที่อยู่ในแคนดิเดต 1 ใน 4 รอง ผบ.ตร.ที่อาจถูกเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่ง ผบ.ตร.ในวันที่ 27 กันยายน
จากนายตำรวจที่กำลังทำคดีสำคัญระดับประเทศ และหลายคดีเกี่ยวข้องกับเครือข่ายบ่อนพนันออนไลน์ โดยเฉพาะคดีเรียกรับเงิน 140 ล้านที่จังหวัดชลบุรี
จากนายตำรวจที่กำลังจะรื้อเครือข่ายและขุมทรัพย์ ‘กำนันนก’ ในจังหวัดนครปฐม กลายมาเป็นนายตำรวจที่ถูกผู้ใต้บังคับบัญชา นำหมายค้นขอตรวจค้นที่พัก เพื่อหาหลักฐานและผู้กระทำความผิดในคดีพัวพันบ่อนพนันออนไลน์
แม้ผลการตรวจค้นจะไม่พบหลักฐาน และผู้กระทำความผิดอยู่ในบ้าน รวมทั้งไม่ปรากฏชื่อพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อยู่ในรายชื่อผู้กระทำความผิด และไม่ปรากฏหลักฐานชิ้นใดพาดพิงไปถึงตัวพล.ต.อ.สุรเชษฐ์
แต่ปฏิบัติการครั้งนี้ก็ส่งผลกระทบโดยตรงต่อตัวนายตำรวจคนดังคนนี้ไปแล้ว…

ทั้งผลกระทบเชิงภาพลักษณ์
ทั้งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่นับจากนี้
แต่ที่กระทบสุด หนีไม่พ้นเส้นทางการเป็นแคนดิเดต “ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” ที่กำลังจะมีการประชุมคณะกรรมการข้าราชตำรวจ หรือ กตร.ในวันที่ 27 กันยายนนี้ เพื่อพิจารณารายชื่อบุคคลที่จะถูกเสนอชื่อขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนที่ 14 แทน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ที่กำลังจะเกษียณอายุราชการในอีกไม่กี่วัน
ปฏิบัติการ “Big Cleaning Day” ในเช้าวันที่ 25 กันยายน ถูกสังคมตั้งข้อสังเกตว่า ดูคล้ายจะเป็นปฏิบัติการ Clear Runway
แม้ ‘บิ๊กเด่น’ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ จะออกมาปฏิเสธว่าการตรวจค้นครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับการแต่งตั้งผบ.ตร.คนใหม่
แม้ ‘บิ๊กโจ๊ก’ จะยืนยันในการให้สัมภาษณ์สื่อถึง 2 ครั้งว่า ไม่น่าจะเกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้าย เพราะตัวเองไม่ใช่แคนดิเดต
แต่ก็เลี่ยงไม่พ้นที่สังคมจะตั้งข้อกังขา…
เลี่ยงไม่พ้นที่จะถูกตั้งข้อสังเกตและตั้งคำถามจากสื่อ
เพราะถึง ‘บิ๊กโจ๊ก’ จะบอกว่า เขาไม่ใช่แคนดิเดต ผบ.ตร.คนที่ 14 แต่ตาม พรบ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ที่ให้ยึดหลักอาวุโสและผลงานเป็นหลักเกณฑ์ในการพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ บิ๊กโจ๊กก็เข้าข่ายที่จะถูกเสนอชื่อให้เป็น ผบ.ตร.คนใหม่ได้
ที่ผ่านมาปรากฏชื่อ รอง ผบ.ตร. 4 คน ที่เป็นแคนดิเดต ในการพิจารณาแต่งตั้ง ผบ.ตร.รอบนี้ โดยเรียงตามลำดับอาวุโส คือ
1. พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์, อาวุโสอันดับ 1
2. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล, อาวุโสอันดับ 2
3. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์, อาวุโสอันดับ 3
และ 4. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล, อาวุโสอันดับ 4




หากพิจารณาตามหลักเกณฑ์อย่างคร่งครัด แน่นอนว่า ‘บิ๊กรอย’ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ที่เหลืออายุราชการเพียงปีเดียว และพลาดมาแล้วจากการแต่งตั้งเมื่อปีที่ผ่านมา ควรเป็นแคนดิเดตหลักที่จะได้รับการพิจารณาแต่งตั้งให้เป็น ผบ.ตร.คนต่อไป โดยมี ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ เป็นอาวุโสอันดับถัดมา
แต่ด้วยอายุราชการของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่จะเกษียณปี 2574 หรืออีก 8 ปี ทำให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกเสมอว่า “รอได้” ไม่จำเป็นจะต้องแข่งกับพี่ๆ
ขณะที่ ‘บิ๊กต่าย’ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ อาวุโสอันดับ 3 ก็ยังมีผลงานไม่โดดเด่นมากนัก หากต้องนำผลงานมาพิจารณาร่วมกับหลักเกณฑ์อาวุโส
ส่วน ‘บิ๊กต่อ’ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อาวุโสอันดับ 4 แม้เป็นรองด้านหลักอาวุโส แต่หากนำหลักเกณฑ์ผลงานร่วมพิจารณาด้วย ‘บิ๊กต่อ’ ก็ถือว่า มีผลงานไม่น้อยหน้า เพราะผ่านการทำคดีสำคัญมาแล้วหลายคดี
แคนดิเดต ผบ.ตร.คนที่ 14 จึงเป็นการช่วงชิงกันระหว่าง พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ อาวุโสอันดับ 1 และ ‘บิ๊กต่อ’ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อาวุโสอันดับ 4 เท่านั้น
ที่ผ่านมา ชื่อ ‘บิ๊กต่อ’ ถือว่ามาแรงมาโดยตลอดที่จะเข้าป้ายเป็น ผบ.ตร.คนใหม่ แต่ด้วยหลักเกณฑ์ใน พรบ.ตำรวจแห่งชาติที่เข้มข้นเรื่องอาวุโส ทำให้กรรมการ กตร.บางท่าน แสดงความไม่สบายใจหากต้องเสนอชื่อ ‘บิ๊กต่อ’
หนึ่ง เพราะตอบคำถามสังคมยาก
หนึ่ง เพราะอาจเกิดการฟ้องร้องจากผู้ที่มีลำดับอาวุโสสูงกว่า
กตร.หลายคน ไม่ประสงค์ต้องขึ้นเบิกความในศาล หากมีการฟ้องขอความเป็นธรรม โดยเฉพาะพล.ต.อ.รอย ที่เป็นอาวุโสอันดับ 1 และมีความเหมาะสมเกือบทุกด้าน
ที่ผ่านมาจึงมีกระแสความเคลื่อนไหว เพื่อหาความลงตัวในการแต่งตั้งรอบนี้
ทั้งปรากฏชื่อ ‘บิ๊กรอย’ ไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.
ทั้งปรากฏชื่อ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส.
จนท้ายที่สุด มีกระแสข่าวว่า ‘บิ๊กรอย’ ซึ่งมีสัญญาใจกับอดีตผู้บังคับบัญชาระดับสูงบางท่านยอมถอย ไม่เป็นแคนดิเดตในการแข่งขันรอบนี้ และยืนยันจะไม่มีการขอความเป็นธรรม หรือฟ้องร้องกรณีไม่ได้รับการเสนอชื่อเป็น ผบ.ตร.คนใหม่ แม้จะเป็นอาวุโสอันดับ 1
แต่เงื่อนไขสำคัญของ ‘บิ๊กรอย’ ครั้งนี้ คือขอคงศักดิ์ศรีความเป็นข้าราชการตำรวจ ด้วยการเกษียณอายุราชการในสีเสื้อตำรวจ ในตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่ขอย้ายไปดำรงตำแหน่งนอกสังกัด
ส่วน ‘บิ๊กโจ๊ก’ ที่เป็นอาวุโสอันดับ 2 และมีกระแสข่าวว่า มีการเจรจาให้ไปรับตำแหน่งเลขาธิการ ป.ป.ส.นั้น ก็มีรายงานว่า ยอมรับเงื่อนไขนี้ แต่ไม่ขอย้ายขาดจากตำแหน่งเดิม โดยจะขอควบ 2 ตำแหน่ง คือ รอง ผบ.ตร. และรักษาการเลขา ป.ป.ส.
ส่วน ‘บิ๊กต่าย’ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ อาวุโสอันดับ 3 นั้นหากเทียบผลงานกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ ‘บิ๊กต่อ’ มีผลงานที่เหนือกว่า
ความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา จึงค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่า วันที่ 27 กันยายน ‘บิ๊กต่อ’ น่าจะได้รับการเสนอชื่อเป็นผบ.ตร.คนใหม่แบบแบเบอร์
แล้วอะไรเป็นสาเหตุให้ต้องเปิดปฏิบัติการในเช้าวันที่ 25 กันยายน ก่อนวันประชุม กตร.เพียงแค่ 2 วัน
ในเมื่อปฏิบัติการปูพรมแดงขึ้นสู่เก้าอี้ ผบ.ตร.คนที่ 14 ก็เป็นไปอย่างราบรื่น
หรือคำตอบ คือ ไม่มั่นใจใน กตร.บางราย ที่ยังไม่สบายใจต่อหลักอาวุโส
หรือคำตอบคือ ยังไม่สบายใจต่อเงื่อนไขของบิ๊กโจ๊กที่ขอควบสองตำแหน่ง ไม่ยอมย้ายขาดไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ป.ป.ส.

หรือคำตอบ คือมีคนไม่สบายใจต่อท่าที ‘บิ๊กโจ๊ก’ ในคดีสำคัญบางคดี โดยเฉพาะคดีทลายเครือข่ายธุรกิจกำนันนก ในจังหวัดนครปฐม ที่ส่อเค้าอาจมีเส้นทางการเงินที่ขยายผลกว้างมากกว่าที่เห็น
เพราะปฏิบัติการที่เกิดขึ้นในเช้าวันที่ 25 กันยายน อย่างน้อยก็มีผลทำให้ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ต้องถูกตัดออกจากเส้นทางการเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.คนต่อไป จนกว่าจะมีหลักฐานว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการกระทำความผิดที่เกิดขึ้น
เนื่องจากเคยมีหนังสือเวียนจากสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2564 เรื่อง ขอซักซ้อมแนวทางปฏิบัติในการเสนอเรื่องที่ต้องนำความกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระมหากรุณา ที่ใจความในหนังสือส่วนหนึ่งระบุให้ระมัดระวังไม่นำเรื่องที่ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เรื่องที่ยังอยู่ในระหว่างการร้องเรียน หรือเรื่องที่ยังอยู่ในระหว่างการฟ้องร้องต่อศาล นำเสนอเข้ามา เพราะสำนักเลขาธิการ ครม.จะไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้

อันหมายถึง หากข้อกล่าวหาการกระทำความผิดของนายตำรวจที่มีความใกล้ชิดกับ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ถูกโยงไปพาดพิงบิ๊กโจ๊ก แม้ความผิดนั้นจะยังไม่กระจ่างชัด บิ๊กโจ๊กก็จะต้องเคลียร์ข้อกล่าวหาทั้งหมดให้เป็นที่ยุติก่อน จึงจะสามารถกลับมาเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.คนต่อไปได้
ปฏิบัติการ “Big Cleaning Day” ในเช้าวันที่ 25 กันยายน จึงถูกสังคมตั้งข้อสังเกตว่า ดูคล้ายจะเป็นปฏิบัติการ Clear Runway ยังไงยังงั้น
แต่ก็ยังต้องวัดใจ ประธาน กตร.คนใหม่ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ นายกรัฐมนตรีว่า จะเดินหน้าประชุม กตร.เพื่อพิจารณาแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ต่อ หรือดึงเกมเลื่อนออกไปก่อน
เพื่อเคลียร์ข้อสงสัยที่เกิดขึ้นในเช้าของวันที่ 25 กันยายนให้เรียบร้อย