‘กรมขนส่งฯ’ แจง ‘กมธ.คมนาคม’ พบถังก๊าซต่อเติมท่อรั่ว ต้นตอไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา

3 ต.ค. 2567 - 10:13

  • ‘กรมขนส่งฯ’ ยกคณะแจง ‘กมธ.คมนาคม’ พบถังก๊าซที่ต่อเติมท่อรั่วต้นตอเหตุโศกนาฏกรรมไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา

  • เผยยางไม่แตก แต่เพลาหักครูดถนน ‘กรรมาธิการฯ’ รุมซักเดือด ข้องใจตรวจทิพย์

Department_of_Land_Transport_explains_that_the_council_found_a_leaking_gas_tank_SPACEBAR_Hero_8985217dff.jpg

รัฐสภา (3 ตุลาคม 2567) ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร ที่มี ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นประธาน กมธ. มีวาระสำคัญในการหารือกรณีรถบัสนักเรียนจังหวัดอุทัยธานีไฟไหม้ ซึ่งเป็นเรื่องที่แทรกเข้ามาเร่งด่วน มีการเชิญนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก และคณะมาชี้แจงถึงสาเหตุรวมถึงแนวทางการแก้ปัญหาในอนาคต

ประธาน กมธ.คมนาคม กล่าวเปิดประชุมว่า เรามีความจำเป็นต้องยกเลิกวาระประชุมอื่น และนำเรื่องนี้เข้าเป็นเรื่องด่วน เพราะ 20 กว่าศพนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก จากนั้น อธิบดีกรมการขนส่งฯ กล่าวแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสีย พร้อมไล่เรียงเหตุการณ์ข้อเท็จจริง ว่า วันเกิดเหตุตนได้ลงพื้นที่ไปหลังจากเพลิงสงบแล้ว และได้นำวิศวกรผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบตัวรถตั้งแต่เวลา 17.00 น. 

ชีพ น้อมเศียร ผู้อำนวยการ (ผอ.) สำนักวิศวกรรมยานยนต์ กล่าวว่า จากการตรวจสภาพรถพบว่า ประตูด้านหลังฝั่งขวา คันโยกที่ใช้เปิดปิดภายในตัวรถยังใช้งานได้ปกติ และรถที่เกิดเหตุเป็นรถโดยสารชั้นเดียว พื้นที่ด้านล่างใช้เก็บสัมภาระ นอกจากนี้ ยังพบว่าล้อรถไม่ได้มีการระเบิด ซึ่งพบถังก๊าซ 11 ถัง และมีท่อก๊าซหลุดเป็นเหตุให้เกิดก๊าซรั่ว รวมถึงพบว่าเพลาล้อหน้าหักครูดกับถนน ซึ่งอยู่ระหว่างกรมการขนส่งทางบกกับกองพิสูจน์หลักฐานร่วมกันวิเคราะห์สรุปหาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดเหตุเพลิงไหม้ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะแถลงให้ทราบต่อไป 

ขณะที่อธิบดีกรมขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมได้มี 5 ข้อสั่งการ ได้แก่ 

1.สั่งการให้เรียกรถโดยสารสาธารณะทั้งประจำทางและไม่ประจำทางที่ใช้ก๊าซ CNG มาตรวจสภาพภายใน 60 วัน จำนวน 13,426 คัน 

2.ยกระดับมาตรฐานการประกอบการขนส่งรถโดยสารไม่ประจำทางทั้งระบบ ซึ่งมีความหละหลวมมากกว่ารถโดยสารประจำทาง 

3.ประสานงานกับกระทรวงศึกษาธิการและสถานศึกษาทั่วประเทศ เพื่อขอความร่วมมือกรณีมีความจำเป็นต้องใช้รถนำนักเรียนหรือผู้สูงอายุนอกพื้นที่ ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความปลอดภัยของรถก่อนเดินทางทุกครั้ง 

4.ออกกฎหมายเพิ่มเติมเงื่อนไขในการออกใบอนุญาตให้มีพนักงานประจำรถ ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรการเผชิญเหตุและการช่วยเหลือผู้โดยสารในเหตุการณ์วิกฤติ 

5.ออกกฎหมาย เพื่อให้ผู้ประกอบการต้องแนะนำข้อมูลและแนวทางเผชิญเหตุฉุกเฉินในการใช้บริการเหมือนบนสายการบิน

Department_of_Land_Transport_explains_that_the_council_found_a_leaking_gas_tank_SPACEBAR_Photo01_733056e534.jpg
Department_of_Land_Transport_explains_that_the_council_found_a_leaking_gas_tank_SPACEBAR_Photo02_e675af4cca.jpg

โดยภายในห้องประชุมกรรมาธิการ ได้มีการตั้งคำถาม ซึ่งนายพีระเดช ศิริวันสาณฑ์ สส.นครสวรรค์ พรรคภูมิใจไทย  (ภท.) และนายชัชวาล อภิรักษ์มั่นคง สส.ขอนแก่น พรรคประชาชน (ปชน.) ได้ซักถามถึงการตรวจสอบจำนวนถังก๊าซภายในรถ ที่พบว่ามีถึง 11 ถัง อีก 5 ถังที่เกินมา ได้เพิ่มเข้ามาในขั้นตอนไหน การตรวจสภาพรถเป็นการตรวจทิพย์หรือไม่ เป็นไปได้อย่างไรที่ผู้ตรวจสอบสภาพรถจะไม่เห็นจำนวนถังที่เกินมา รวมถึงการจดทะเบียนครั้งแรกตั้งแต่ปี 2513 และมีการจดทะเบียนอีกครั้งในปี 2561 ได้มีการดัดแปลงสภาพไปมากเพียงใด 

“ปี 2513 ผมยังไม่เกิดเลย มีอะไรคงเดิมบ้างในรถคันนี้ และเราต้องนับอายุของรถจากเวลาใดกันแน่” พีระเดช กล่าว 

อธิบดีกรมขนส่งทางบก ยืนยันว่า มีการติดตั้งถังก๊าซเกินกว่าที่จดทะเบียนไว้ 5 ถัง จากที่จดทะเบียนไว้ 6 ถังรวมเป็น 11 ถัง ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการของกรมและเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบเรื่องนี้  เพื่อดูว่าใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

ขณะที่ ผอ.สำนักวิศวกรรมยานยนต์ อธิบายเหตุการณ์และข้อมูลเพิ่มเติมว่า รถคันที่ประสบเหตุถังที่รั่วไหลเป็นถังหมายเลข 8 ซึ่งไม่ได้อยู่ในรายการตรวจสอบของวิศวกร ถังที่ได้รับการตรวจสอบ มีเพียงครั้งที่ 1-6 ซึ่งทางหมายเลข 8 เป็นถังที่อยู่นอกระบบ ซึ่งต้องเป็นการพิสูจน์หลักฐานของตำรวจต่อไป

ผอ.สำนักวิศวกรรมยานยนต์ ยังกล่าวด้วยว่า ในส่วนของผู้ประกอบการบริษัทชินบุตร พบว่า ใบผู้ประกอบการขนส่ง มีรถในกำกับดูแล 2 คัน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือคันที่ประสบอุบัติเหตุ เบื้องต้นทางกรมการขนส่งได้ระงับใบอนุญาตประกอบการ เพราะรถอีกคันก็ไม่สามารถใช้งานได้ และอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพราะมีลักษณะรถที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งขนส่งจังหวัดได้ออกคำสั่งให้เอารถมาตรวจ ที่จังหวัดลพบุรี เพราะมีเครื่องมือที่พร้อมกว่าซึ่งคาดว่าน่าจะนำเข้ามาตรวจประมาณ 14.00 -15.00 น.

ด้านอธิบดีกรมขนส่งทางบก กล่าวเสริมว่า คนที่ต้องรับผิดชอบในเรื่องถังก๊าซเกินจำนวน ประกอบด้วย 

1.ผู้ประกอบการหรือเจ้าของรถ เบื้องต้นได้มีการพักใช้ใบอนุญาตจนกว่าผลสอบสวนจะออก 

2.คนขับรถ ให้พักใบอนุญาตจนกว่าจะสอบสวนเสร็จ ถ้ามีความผิดก็เพิกถอนใบอนุญาต 

3.วิศวกรผู้ตรวจสอบถังแก๊ส ระงับการดำเนินการทั้งหมด 

4.บุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง (TSM) กรมได้ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่และดึงตัวเข้ามาทำงานที่กรมการขนส่งทางบก ซึ่งผิดหรือไม่ผิดก็ต้องมาดูกัน 

อธิบดีกรมขนส่งทางบก กล่าวด้วยว่า ในบริษัทชินบุตร ทราบว่าเป็นบุคคลในครอบครัวเดียวกันกับผู้ประกอบการ ก็ได้มีการเพิกถอนระงับใบอนุญาตเป็นผู้จัดการด้านความปลอดภัยแล้ว เพราะมีความบกพร่องในหน้าที่ที่ปล่อยให้เกิดเหตุได้ อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดอยู่ระหว่างการสอบสวน หากพบว่ามีความผิด ในเรื่องของคำสั่งปกครอง ก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย ในคดีอาญาก็ดำเนินการไป ถ้าเจ้าหน้าที่มีความผิดกรมก็ดำเนินการทางวินัยต่อไป ส่วนของเอกชนก็จะต้องโดนทั้งแพ่งทางอาญา ส่วนโทษทางปกครองก็คือ ต้องถอนใบอนุญาตประกอบการ ถอนใบอนุญาตขับรถ ถอนใบรับรองการติดตั้งก๊าซ ถอนการเป็นผู้จัดการด้านความปลอดภัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งของการประชุม พีระเดช ศิริวันสาณฑ์ สส.นครสวรรค์ พรรคภูมิใจไทย ได้ทักท้วงว่า สิ่งที่ถามไปยังไม่ได้รับคำตอบ ที่ถามว่ารถคันนี้จดทะเบียน 2 ครั้ง ต้องเริ่มนับตั้งแต่ปีไหน ทำให้ นายชีพ ได้ชี้แจง ว่า รถจดทะเบียนครั้งแรกเมื่อปี 2513 และมีการจดทะเบียนอีกครั้งในปี 2561 ซึ่งระยะเวลาค่อนข้างจะยาวนาน ด้วยหลักเกณฑ์ที่รถยังสามารถใช้งานอยู่ได้จนถึงปัจจุบันนี้ 54 ปีนั้น เพราะในระหว่างนี้ได้มีการจดทะเบียนเป็นรถประเภทอื่นๆ ไว้ 

และเมื่อมีการดัดแปลงคลัสซีถือเป็นตัวหลักของรถ เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของคน เมื่อใช้งานไประยะหนึ่ง ตัวถังผุกร่อนไม่สามารถใช้งานได้ เจ้าของก็จะไปแจ้งเปลี่ยนแปลงโดยนำรถคันดังกล่าวไปที่อู่ต่อรถ หรืออู่ปรับปรุงรถ สิ่งที่ยังคงอยู่คือโครงคลัสซีรถ และนำเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าใส่เข้าไป เปลี่ยนตัวถังเปลี่ยนเก้าอี้และติดตั้งอุปกรณ์ปรับอากาศ หากมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแล้ว เจ้าของรถก็จะให้วิศวกรตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงเพื่อจะนำมาตรวจสภาพและจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกได้ ส่วนประตูฉุกเฉินได้มีการให้มีการตรวจรถสาธารณะปีละ 2 ครั้ง 

ขณะที่ ชัชวาล อภิรักษ์มั่นคง สส.ขอนแก่น พรรคประชาชน ได้ท้วงด้วย ว่า อธิบดีและคณะยังตอบคำถามไม่ครบ พร้อมเน้นย้ำคำถามเรื่องการตรวจทิพย์ว่าได้ตรวจจริงหรือไม่ ตำแหน่งที่ติดถังก๊าซก็อยู่ในห้องโดยสารที่มีแค่ผนังกั้นไว้ พอก๊าซรั่วก็จะลอยขึ้นสูง ได้มาตรฐานหรือไม่ และรถลักษณะนี้ในบริษัทมีอีกกี่คัน 

โดยอธิบดีกรมขนส่งทางบก ได้ตอบว่า เรื่องการตรวจสอบจำนวนถังก๊าซสามารถยืนยันโดยระบบได้ แต่ยืนยันในตัวบุคคลไม่ได้ เพราะก็เพิ่งต้องโทษ สั่งย้ายไป 2 คน และยืนยันว่าหากมีความผิดจริงก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และนอกจากรถคันที่เกิดเหตุแล้ว ก็มีอีก 1 คันที่มีการติดตั้งถังก๊าซแบบเดียวกันนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการประชุม กมธ.ได้รุมซักถามอธิบดีและคณะ โดยเฉพาะ สส.พรรคภูมิใจไทย และ สส.พรรคประชาชน ทำให้ครูมานิตย์ ประธาน กมธ.ได้พยายามรวบรัดการซักถาม ที่หากลงรายละเอียดมากไป อาจจะไม่สะดวกสำหรับกรมการขนส่งที่มาตอบทั้งหมด พร้อมเสนอให้รอการชี้แจงของ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ 

ขณะที่ เชิงชาย ชาลีรินทร์ สส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการ กมธ. ได้ช่วยกรมการขนส่งทางบกชี้แจงในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสภาพรถ โดยระบุว่า ตนเองเคยนำรถไปซ่อมกับญาติหลายครั้ง จึงพอมีประสบการณ์ 

“จากที่เห็นเป็นถังก๊าซ CNG ขนาดใหญ่ ต่อให้บรรจุก๊าซเต็ม โยนลงกองไฟ ยังไม่ระเบิดเลย ถ้าไม่มีก๊าซรั่ว แต่ในส่วนที่เกิดประกายไฟขึ้นมาไม่แน่ใจว่าเป็นส่วนไหน แต่ก๊าซ CNG มีลักษณะติดไฟยาก” เชิงชาย กล่าว

Department_of_Land_Transport_explains_that_the_council_found_a_leaking_gas_tank_SPACEBAR_Photo03_f7130931d7.jpg

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์