เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (รมว.คลัง) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ได้สั่งการในที่ประชุม ครม.ให้นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ให้ทำงานใกล้ชิดกับกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เพื่อให้ทำงานอย่างบูรณาการ ดำเนินการแก้ปัญหาอาชญากรรมทางออนไลน์และให้มีผลชี้วัดได้ ซึ่งอยากให้ได้ชัดเจนภายใน 30 วัน
ด้าน ประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า นายกฯ และรมว.คลังได้สั่งการให้ดีอี บูรณาการการทำงานร่วมกับ **สอท.**ให้เร่งปราบปรามให้สัมฤทธิ์ผลภายใน 30 วัน ดังนั้นตนจะเรียกประชุมร่วมกับ สอท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยด่วน เพื่อกำหนดทีมทำงานและดำเนินการตามข้อสั่งการนายกฯ ในเรื่องนี้
“เราต้องใช้ยาแรง เพราะอาชญากรรมทางไซเบอร์โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ถือว่าทำความทุกข์ให้กับคนไทยเป็นอย่างมาก”
เมื่อถามว่าที่ผ่านมามีการดำเนินการเรื่องนี้มาตลอดแต่ยังปราบปรามไม่หมด จะไปกวดขันตรงไหนเพิ่มเติมหรือไม่ รมว.ดีอี กล่าวว่า เราต้องใช้ยาแรงขึ้นในการปราบปราม ตอนนี้เราไม่ได้ทำเฉพาะในประเทศ แต่ทำงานร่วมกับต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมาตนได้ให้ปลัดกระทรวงดีอีและทีมงานไปเจรจากับทางกัมพูชา ทราบว่ากำลังทำแผนปฏิบัติการกันอยู่
เมื่อถามย้ำว่า 30 วันจะสามารถเห็นผลได้เลยหรือไม่ รมว.ดีอี กล่าวว่า “เห็นผลครับ อยากให้ทุกคนคอยติดตามดู อย่างน้อยจะต้องมีการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งในการเอาผิดผู้กระทำความผิดและมีการจับกุม”
เมื่อถามว่าล่าสุดทางสหประชาชาติมีการเปิดเผยว่ารัฐบาลเกาหลีเหนือมีการโจรกรรมเงินคริปโตเคอร์เรนซี ทั่วโลกเพื่อนำไปพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งประเทศไทยก็มีสกุลเงินคริปโตเคอร์เรนซี ทางกระทรวงได้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างไรหรือไม่ ประเสริฐ กล่าวว่า ทางกระทรวงได้ให้คณะกรรมการคุ้มครองรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นผู้ดูแลเรื่องนี้ ขณะนี้มีการพูดคุยกันอยู่ ทั้งนี้เราติดตามสถานการณ์ตลอดเพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหม่ และเรามีความจำเป็นในการที่จะป้องกัน