แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประจำสัปดาห์ (11 มีนาคม 2568) มีบรรดารองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และส่วนงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมตามปกติ โดยมีประเด็นที่ยังต้องจับตาเกี่ยวกับการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็ก) หรือ กาสิโน ที่ขณะนี้ทางกฤษฎีกาได้ส่งมายังเลขา ครม. แล้ว แต่ยังไม่บรรจุเข้าวาระการประชุมเพื่อพิจารณาในสัปดาห์นี้ เนื่องจากอยู่ระหว่างกระทรวงการคลังเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชาชน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 14 มีนาคม จากนั้น จึงนำเข้าที่ประชุม ครม. และส่งให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา

‘เจิมศักดิ์’ ร่อนหนังสือเปิดผนึก 8 ข้อ จี้รัฐบาลหยุดผลักดันร่าง กม.กาสิโน
ขณะเดียวกันยังคงมีความเคลื่อนไหวของกลุ่มประชาชนหลายภาคส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายดังกล่าว และยังมีการชุมนุมด้านหน้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อกดดันรัฐบาลให้ยุติการผลักดันร่างกฎหมายนี้
ล่าสุด รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า หนังสือเปิดผนึกถึงคณะรัฐมนตรี เรื่อง ‘รัฐบาลเปิดบ่อนพนันและพนันออนไลน์ อย่างถูกกฎหมาย’
รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ระบุว่า ในฐานะคนไทยใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ขอเรียกร้องให้คณะรัฐมนตรีมีมติไม่อนุมัติพระราชบัญญัติเพื่อเปิดบ่อนการพนันซุกไว้ภายใต้ชื่อสถานบันเทิงครบวงจร และที่เลวร้ายกว่านั้นจะมีการพนันทางไกลที่เรียกพนันออนไลน์เกิดขึ้นทั่วราชอาณาจักร ด้วยเหตุผลดังนี้
1.การเปิดบ่อนการพนัน และการพนันออนไลน์ทางไกล โดยสมคบกับนายทุนต่างชาติและนายทุนในประเทศเพื่อหลอกเอาเงินจากผู้เล่น เป็นการชิงทรัพย์โดยไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่แท้จริง หรือเพิ่มจีดีพีของประเทศไทย เพราะเป็นการชิงทรัพย์โอนเงินหรือล้วงเอาเงินจากประชาชนผู้เล่น
2.พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล ไม่เคยประกาศหาเสียงให้สัญญากับประชาชนว่า เมื่อได้อำนาจจัดตั้งรัฐบาลจะเปิดบ่อนการพนันขึ้นในพระนครและเมืองใหญ่อีกหลายแห่ง จึงเป็นการกระทำของรัฐบาลที่ไม่ชอบธรรมในระบอบประชาธิปไตย ที่หลอกลวงชิงอำนาจรัฐจากการเลือกตั้งได้แล้ว ก็ดำเนินการตามอำเภอใจ
3.การเปิดบ่อนการพนัน และพนันทางไกลออนไลน์อย่างถูกกฎหมาย เป็นการส่งสัญญาณทิศทางการพัฒนาประเทศที่ผิด ให้ผู้คนหมกมุ่นเล่นการพนัน สูญเสียโอกาสในการประกอบสัมมาอาชีพ และมีค่านิยมชมชอบ ไม่รังเกียจอบายมุข
4.ก่อให้เกิดผลกระทบทางสังคมที่ตามมาอย่างที่คาดเดาได้ เช่นจะมีคนสูญเสียหมดเนื้อหมดตัวเป็นหนี้สิน การทะเลาะเบาะแว้ง ทอดทิ้งลูกและครอบครัว และอาจเกิดความรุนแรงถึงฆ่าตัวตายดังที่ได้เกิดขึ้นแล้วในหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทย
5.การพนันเป็นโรคชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “โรคติดพนัน” เป็นโรคทางจิตที่เสพติดการพนัน ทำให้สูญเสียงบประมาณในการรักษาและสูญเสียโอกาสในการทำงานของผู้ติดพนันและครอบครัว
6.บ่อนการพนันหรือคาสิโน จะมีโอกาสเป็นแหล่งซ่องสุมอาชญากรรม การหลอกลวงทุกประเภททั้งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ โดยเฉพาะเป็นแหล่งฟอกเงินจากการทุจริตคอร์รัปชัน และการหลอกลวงทุกประเภท และอาจเป็นสถานอบายมุขครบวงจร ดังที่เกิดขึ้นในชายแดนไทยมาแล้ว
7.พระราชบัญญัติการจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจร เป็นการรวบอำนาจไม่ว่าจะอนุญาตให้ใครได้จัดตั้งบ่อนการพนัน กำหนดอัตราค่าธรรมเนียม กำหนดหลักเกณฑ์วิธีการและผู้เล่นการพนัน โดยเปิดช่องไว้ให้เป็นดุลพินิจของคณะกรรมการนโยบาย และเปิดช่องให้นักการเมืองมีอำนาจในการร่วมแสวงหาประโยชน์ได้อย่างง่ายดาย
8.รัฐบาลจะถูกกล่าวหาว่าเป็นคิดคดทรยศประชาชน บกพร่องหรือขาดจริยธรรมในการบริหารประเทศ ส่งเสริมอบายมุข เซาะกร่อนบ่อนทำลายศักยภาพการทำงาน และศีลธรรมอันดีของคนไทย
รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ย้ำว่า เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนและอนาคตของประเทศจึงเรียนคณะรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาล ขออย่าได้ร่วมอนุมัติพระราชบัญญัติดังกล่าว
