ที่ห้องรับรองกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และคณะ ได้ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าคดีพิเศษ จำนวน 3 คดี ประกอบด้วย คดีตึก สตง.ถล่ม คดีฟอกเงินฮั้วเลือก สว. และคดีนำเข้าหมูเถื่อน โดยทั้ง 3 คดี มีใจความสำคัญของความคืบหน้าดังนี้
🔴 คดีฟอกเงินฮั้วเลือก สว. ‘DSI’ เพิ่มข้อหาอั้งยี่ฯ เป็นคดีพิเศษ หลังได้รับโอนสำนวนมีผู้กล่าวหาพบกลุ่มบุคคลร่วมกันฮั้วเลือก สว. ปัดตอบมีกลุ่มการเมืองเกี่ยวข้องหรือไม่ รับสเกลใหญ่ ต้องใช้เวลาตรวจสอบ มั่นใจทำทันก่อน สว. ครบวาระ
รายละเอียดโดยสรุปของคดีนี้ : พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สอบปากคำพยานไปแล้ว จำนวน 30 ปาก ตรวจสอบข้อมูลทางธุรกรรมธนาคารของบุคคลในขบวนการ ไปแล้ว 1,200 ราย และตรวจสอบข้อมูลผู้ใช้โทรศัพท์ ไปแล้วจำนวน 20,000 เลขหมาย และตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นเงินว่าเชื่อมโยงไปถึงใครบ้าง รวมถึงมีการนำเทคโนโลยีเอไอมาใช้ประมวลพฤติกรรมการฮั้วเลือก สว. ของบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วย

นอกจากนี้ เมื่อวาน ( 23 เม.ย) ดีเอสไอ ยังได้รับโอนสำนวนคดีจาก สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี และ สภ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม ในประเด็นที่มีผู้กล่าวหากลุ่มบุคคลในฐานความผิดอั้งยี่ฯ เกี่ยวกับการคัดเลือก สว. โดย อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้พิจารณาสำนวนดังกล่าวแล้วเห็นว่ามีส่วนเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกับคดีฟอกเงินฮั้วเลือก สว. ที่ดีเอสไอกำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่ จึงได้รวมสำนวนดังกล่าวไว้ในคดีฟอกเงินแล้ว
ส่วนรายละเอียดในสำนวนคดีอั้งยี่ฯ ที่ได้รับโอนสำนวนมา มีการระบุว่าหรือไม่ว่าเป็นการกระทำของกลุ่มคนจากพรรคการเมืองใด อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เลี่ยงตอบประเด็นนี้ โดยบอกว่าผู้กล่าวหาไม่ประสงค์เปิดเผยข้อมูล และไม่อยากพาดพิงเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงกับพรรคการเมืองใด
ส่วนกรอบเวลาในการทำคดีนี้ พ.ต.ต. ยุทธนา ยอมรับว่า ตอบไม่ได้ เนื่องจากคดีมีสเกลที่ใหญ่ และมีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก เพราะต้องย้อนไปตรวจสอบตั้งแต่การคัดเลือก สว. ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ แต่ทั้ง พ.ต.ต. ยุทธนา และ สมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เชื่อว่าจะสามารถปิดคดีนี้ได้ทันก่อน สว. ครบวาระ
ทั้งนี้ ตามกฎหมาย สว. มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 5 ปี นับจาก กกต. ประกาศรับรองผลการคัดเลือก โดย สว.ชุดนี้จะครบวาระในปี 2572

🔴 คดีตึก สตง. ถล่ม ‘DSI’ คาดสรุปสำนวนคดีนอมินี ได้ภายใน 30 วัน พบมีการปลอมลายเซ็นวิศวกรกว่า 20 รายการ ส่วน ‘สตง.’ ให้ความมร่วมมือส่งเอกสารค่อนข้างดี
รายละเอียดโดยสรุปของคดีนี้ : ดีเอสไอ รับเรื่องนี้ไว้ตรวจสอบ 4 เรื่อง โดยรับเป็นคดีพิเศษแล้ว 2 เรื่อง คือเรื่องนอมินีและการฮั้วประมูล ส่วนอีก 2 เรื่องที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบคือ เรื่องมาตรฐานวัสดุและการใช้ใบกำกับภาษีปลอม
ในส่วนคดีนอมอนี ดีเอสไอ ได้ดำเนินคดีกับ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ในความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และได้ออกหมายจับ นายจางฯ กรรมการนิติบุคคล และคนไทยอีก 3 คน ที่มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ไปขออำนาจศาลเพื่อขอฝากขังเรียบร้อย แต่ต่อมาศาลได้ให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย โดยผู้ต้องหาทั้งหมดสามารถส่งเอกสารมาหักล้างข้อกล่าวหาได้
โดยเบื้องต้น ผู้ถือหุ้นชาวไทยทั้ง 3 ราย แจ้งว่าจะส่งเอกสารชี้แจงมาให้พนักงานสอบสวน เกี่ยวกับการถือหุ้น เนื่องจากในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล ทั้งนี้ หากผู้ต้องหาไม่ส่งเอกสารมาชี้แจงจะถือว่าเป็นการสละสิทธิ์ที่จะหักล้างข้อกล่าวหา

ขณะที่ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ คาดว่าคดีนอมินีจะแล้วเสร็จภายใน 30 วัน ส่วนประเด็นอื่นๆ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ส่วนที่ นายกรัฐมนตรี เคยระบุว่าอยากให้ สตง. ให้ความร่วมมือในการส่งเอกสารให้คณะกรรมการตรวจสอบมากกว่านี้ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุว่า สตง. ให้ความร่วมมือค่อนข้างดี มีการส่งแปลนก่อสร้างมาให้แล้ว ส่วนจะครบทั้ง 9 แบบที่มีการแก้ไขหรือไม่ ไม่ทราบรายละเอียด
ส่วนเรื่องการปลอมลายเซ็นวิศวกรผู้ควบคุมการก่อสร้างอาคาร สตง. ดีเอสไอได้เชิญ สมเกียรติ ชูแสงสุข วิศกร ที่ถูกแอบอ้างชื่อและปลอมลายเซ็นเข้ามาดูเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าอาคารแล้วพบว่า เบื้องต้นมีการปลอมลายเซ็นในเอกสารประมาณ 20 รายการ

🔴 คดีนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน ‘DSI’ รับมีข้าราชการการเมือง และเจ้าหน้าที่รัฐเอี่ยวเพียบ ปัดตอบเรื่องตำแหน่ง อ้างส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. แล้ว
รายละเอียดโดยสรุปของคดีนี้ : ดีเอสไอ ได้รับคดีการนำเข้าหมูเเถื่อนเป็นคดีพิเศษ เมื่อกลางปี 66 เริ่มต้นจากการตรวจพบเนื้อหมูแช่แข็งในตู้คอนเทนเนอร์ จำนวน 161 ตู้ ถูกลักลอบนำเข้ามาที่ท่าเรือแหลมฉบัง โดยมีมูลค่าคิดเป็นเงิน ประมาณ 400 ล้านบาท จากการตรวจสอบพบบริษัทที่เกี่ยวข้อง จำนวน 10 บริษัท และต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลเพิ่มเติม
ซึ่งในคดีนำเข้าเนื้อหมู จำนวน 161 ตู้ มีผู้ต้องหาทั้งหมดประมาณ 30 ราย มีทั้ง บริษัทเอกชนทั้งไทยและต่างชาติ ร่วมถึงพบว่ามี ข้าราชการการเมือง และเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดด้วย แต่เนื่องจากตามกฎหมาย หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ต้องส่งสำนวนไปให้ ป.ป.ช. เป็นผู้ดำเนินคดีต่อ ซึ่งดีเอสไอได้ส่งสำนวนคดีนี้ไปให้ ป.ป.ช. รับไปดำเนินการต่อแล้ว
ส่วน ข้าราชการการเมือง ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นใคร เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง อยู่ฝ่ายนโยบายหรือสั่งการ และยังปฏิบัติหน้าที่อยู่หรือไม่ พ.ต.ต. ยุทธนา และ สมบูรณ์ พยายามเลี่ยงตอบในประเด็นนี้ โดยย้ำว่า เรื่องนี้อยู่ในสำนวนที่ส่งให้ ป.ป.ช. ไปแล้ว แต่ยอมรับว่ายังมีทั้งคนที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ และยุติการปฎิบัติหน้าที่ไปแล้ว โดย สมบูรณ์ บอกเพียงว่า ท่านน่าจะพอเดากันได้อยู่แล้ว