เจ้าหน้าที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ วิศวกรจากกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้นำหมายค้นของศาลอาญา เข้าตรวจค้นบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัทกิจการร่วมค้า PKW ซึ่งเป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้างอาคาร สตง. ที่ถล่ม รวม 4 จุด โดยจุดที่ 1 บริษัท คาร์ฮัพ จำกัด , จุดที่ 2 บริษัท กิจการร่วมค้า PKW , จุดที่ 3 บริษัท ว. และสหาย และจุดที่ 4 บริษัท PN ซิงโครไนส์ เพื่อพบและตรวจยึดพยานหลักฐานต่าง ๆ เพื่อประกอบการสอบสวนดำเนินคดี
โดยเบื้องต้นได้ตรวจยึดพยานเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคารดังกล่าว และการประกอบธุรกิจได้เป็นจำนวนมาก รวมถึงมีการตรวจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินโครงการก่อสร้างในเรื่องนี้มาตรวจสอบด้วย และจะเชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำประกอบพยานหลักฐานโดยเร็ว


โดย ร้อยตำรวจเอก สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งนำทีมลงพื้นที่ตรวจสอบวันนี้ ระบุว่า คดีนอมินีมีความคืบหน้าไปมากทั้งเรื่องพยานหลักฐานเส้นทางการเงินที่พิสูจน์ทุน และการถือครองหุ้นแทนคนต่างด้าว ขณะนี้มีการรวบรวมพยานหลักฐานในเรื่องการทำให้การแข่งขันในการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐไม่เป็นธรรม จนได้โครงการมาว่ามีการใช้กลอุบาย ‘ฟันราคา’ แล้วมาลดงานภายหลัง อันจะเป็นความผิดตามกฎหมายฮั้วประมูลหรือพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือไม่ ซึ่งต้องเร่งทำความจริงให้ปรากฏ



ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมเกียรติ ชูแสงสุข ประธานอนุกรรมการคลินิกช่าง วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ ซึ่งเป็นวิศวกรคนแรก ที่ออกมาแสดงตัวว่าถูกปลอมลายเซ็น และแอบอ้างชื่อเป็นผู้ควบคุมงาน กิจการร่วมค้า PKW เปิดเผยผ่านเพจ ช่าง ซ่อม สร้างว่า จากการไปพบ DSI ทราบว่า มีวิศวกรคุมงานสร้างอาคาร สตง. ถึง 51 คน แต่ตอนนี้ทราบว่ามีหลายรายออกมาแสดงตัวแล้วว่า ‘ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการนี้’