ยังคงเป็นข้อแคลงใจของสังคม สำหรับประเด็นที่ เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นำกำลังไปตรวจค้นและยึดทรัพย์สินที่ บอสพอลและบอสอ๊อฟ แห่ง ดิ ไอคอน นำไปซุกซ่อนไว้ที่ห้องพักย่านรามอินทรา 9 จำนวนหลายรายการ แต่ต่อมามีข้อมูลว่าของกลางทั้งหมดที่ตรวจยึดไว้ เช่น นาฬิกาหรู ทองคำ และเสื้อผ้าแบรนด์เนมเป็นของปลอมทั้งหมด แม้ DSI จะย้ำว่าไม่ว่าจะเป็นของแท้หรือปลอมต้องตรวจสอบหมด และได้แถลงรับคดีฟอกเงิน ดิ ไอคอน เป็นคดีพิเศษไปแล้วเมื่อวานนี้
ล่าสุดวันนี้ (25 ต.ค.) ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ฟอกเงินทางอาญา เปิดเผยถึงประเด็นที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่าระดับผู้บริหารบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จะใช้วิธีการซุกซ่อนโยกย้ายทรัพย์สินปลอมทำไม ว่า เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่กลุ่มผู้ต้องหาจะซื้อทรัพย์สินเหล่านี้ไว้เตรียมสำหรับการจัดฉาก เช่น นำทรัพย์สินมาโชว์เพื่ออ้างว่าการทำธุรกิจนี้ทำให้ร่ำรวย เพราะบางคนอาจมองไม่ออก เพราะถ้าเป็นสินค้าแท้ถูกลิขสิทธิ์ต้องมีมูลค่าสูงมาก
ร.ต.อ.วิษณุ ย้ำว่า คดีนี้ไม่ใช่คดีแรกที่มีการสะสมของปลอม เพราะคดีแชร์ Forex-3D ก็มีทรัพย์สินหลายรายการที่เป็นของปลอม และดีเอสไอไม่ใช่เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการตรวจสอบทรัพย์สินว่าของแท้หรือของปลอม จึงต้องนำรายการทรัพย์สินทุกประเภทที่อายัดมา ส่งให้สำนักงาน ปปง. เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบทรัพย์สิน โดย ปปง.
แต่เชื่อได้ว่าทรัพย์สินดังกล่าว มาจากการกระทำความผิดในคดี เจ้าหน้าที่จึงต้องยึดไว้ก่อนจะมีการโยกย้ายทรัพย์สินออกไปที่อื่น ย้ำหากใครมีเบาะแสแจ้งเข้ามาได้
นอกจากนี้ ร.ต.อ.วิษณุ ยังมองว่า การที่ผู้ต้องหาซุกทรัพย์สินปลอมไว้ ไม่ใช่แผนประวิงเวลาของผู้ต้องหา เนื่องจากคนที่แจ้งเบาะแสคือพลเมืองดี ที่มีความสงสัยเรื่องรถซูเปอร์คาร์ที่ขับเข้ามามีพิรุธ และพลเมืองดีก็มีความต้องการอยากให้ภาครัฐได้ทำหน้าที่ติดตามทรัพย์สินที่ถูกผู้ต้องหานำมาซุกซ่อน ซึ่งล้วนเป็นประโยชน์ต่อผู้เสียหายในคดี
“ดีเอสไอมีความพยายามที่จะติดตามทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องจากการกระทำความผิด เพื่อที่จะได้นำมาเยียวยาผู้เสียหายได้มากที่สุด หากเป็นของแท้ ความโชคดีจะเป็นของผู้เสียหาย แต่ถ้าไม่ใช่สินค้าแท้ มันก็ยังมีมูลค่าอยู่ดี แค่มูลค่าอาจจะลดลงเท่านั้น”
— ร.ต.อ.วิษณุ กล่าว
ร.ต.อ.วิษณุ ยังระบุว่า หลังจากนี้ดีเอสไอจะมีปฏิบัติการยึดและอายัดทรัพย์สินเพิ่มเติมแน่นอน และขอให้กำลังใจผู้ที่เเจ้งเบาะแสที่ซุกซ่อนทรัพย์สินของบริษัท ดิไอคอนฯ ขอให้มั่นใจว่าการแจ้งเบาะแส การชี้เป้าของท่านไม่ได้ทำให้พนักงานสอบสวนหลงทาง ถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง และดีเอสไอหวังว่าจะได้รับความร่วมมือเช่นนี้ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินที่ท่านสงสัย หรือท่านเชื่อได้ว่ามาจากการกระทำความผิดในคดีดังกล่าว ดีเอสไอจะรีบเข้าไปตรวจสอบ
ย้ำสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ทุกการเข้าไปตรวจสอบดีเอสไอต้องใช้อำนาจของศาล ดังนั้น ดีเอสไอจึงต้องเข้าไปบันทึกปากคำและสาเหตุที่ต้องเข้าไปตรวจค้น ดีเอสไอไม่ได้เข้าไปโดยทันที เราต้องมีข้อเท็จจริงเสนอต่อศาลพอสมควรด้วย
ทั้งนี้ รายการทรัพย์สินต่อจากนี้หากดีเอสไอจะเข้าไปยึดและอายัด จะไม่ซ้ำซ้อนกับรายการทรัพย์สินที่ตำรวจจะดำเนินการ
- แนะเครื่องมือ Line @checkdidsi ช่วยตรวจสอบแชร์ลูกโซ่
ร.ต.อ.วิษณุ ยังประชาสัมพันธ์ถึงเครื่องมือตรวจสอบธุรกิจแชร์ลูกโซ่ฟรีสำหรับประชาชน ซึ่งเป็น Official Line Account : @checkdidsi ที่ได้รับการวิจัยและพัฒนาโดยดีเอสไอ ว่า สำหรับ @checkdidsi จะเป็นไลน์ออฟฟิเชียลที่ถูกพัฒนามาเพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของแชร์ลูกโซ่ เพราะพฤติการณ์แชร์ลูกโซ่ในสังคมไทยมีพัฒนาการต่อเนื่อง เปลี่ยนแปลงรูปแบบตลอดเวลา
จึงขอแจ้งให้พี่น้องประชาชนกดเพิ่มเพื่อนกันเยอะๆ เพราะตอนนี้ตั้งแต่มีการเปิดให้บริการ เราได้มีการเก็บข้อมูลมาตลอดและพบว่ามี ‘ผู้เกือบเสียหาย’ หลายรายที่ขอบคุณดีเอสไอ เนื่องจากพอประชาชนมีการกรอกข้อมูลและพฤติการณ์รูปแบบแผนธุรกิจ
จากนั้นระบบมีการประมวลผลจึงทำให้ประชาชนทราบว่า ธุรกิจที่เขากำลังจะลงทุนนั้น มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นแชร์ลูกโซ่ ทำให้ไม่ตัดสินใจลงทุน และไม่กลายเป็นผู้เสียหาย
ทั้งนี้ หากประชาชนสนสงสัยว่าแผนธุรกิจนั้น ๆ คล้ายมีพฤติกรรมหลอกลวง หรือมีลักษณะจะเป็นแชร์ลูกโซ่ ลักษณะฉ้อโกงประชาชน สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ที่ Line @checkdidsi เพื่อป้องกันไม่ให้ท่านต้องตกเป็นเหยื่อของขบวนการ และในปัจจุบันนี้ระบบ checkdidsi ได้มีประชาชนเข้าไปใช้บริการมากกว่า 4,000 ราย .