‘DSI’ จ่อสรุปสำนวน ‘คดีดิไอคอน’ ก่อน 25 ธ.ค.นี้

5 ธ.ค. 2567 - 03:23

  • ‘DSI’ จ่อสรุปสำนวนคดีดิไอคอน ก่อน 25 ธ.ค.นี้ แย้มคืบหน้าแล้ว 90% พร้อมใช้มาตรการคุ้มครองหาก ‘พยาน’ ถูกข่มขู่ หลังปรากฎคลิปเสียง ‘ทนายบอสดิไอคอน’ ข่มขู่ตัวแทน

dsi_the_icon_group_5_dec_2024_SPACEBAR_Hero_f75c99a690.jpg

กรมสอบสวนคดีพิเศษ เผยแพร่เอกสารชี้แจงความคืบหน้า การดำเนินคดีอาญากับ บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด กับพวก รวม 19 ราย ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน 

เป็นคดีพิเศษที่ 119/2567 โดยมีผู้ต้องหาจำนวน 19 ราย เป็นนิติบุคคล 1 ราย คือบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด และมีผู้ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารบริษัทฯ อีก 18 คน ถูกคุมขังระหว่างการสอบสวนที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทัณฑสถานหญิงกลาง

โดยวันพุธที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้เชิญประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี 

อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าได้แต่งตั้งอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน  อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ พันตำรวจโท ประวุธ วงศ์สีนิล อธิบดีกรมพินิจคุ้มครองเด็กและเยาวชน , กนกไรวินท์ บุรินทร์นันท์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ อัครเดช วัชรภูพงศ์ รวม 5 ท่าน เป็นที่ปรึกษาคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547   มาตรา 30 เพื่อให้ข้อแนะนำในการดำเนินคดีและการดำเนินการอื่น เพื่อให้การสอบสวนเป็นไปด้วยความรอบคอบ รัดกุม เนื่องจากเป็นคดีที่มีมูลค่าความเสียหายเป็นจำนวนมาก 

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการติดตามความคืบหน้าในการสอบสวน ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานในส่วนของผู้ต้องหา พยานหลักฐานอื่น สรุปพยานหลักSeฐานและจัดทำรายงานการสอบสวน คิดเป็นความก้าวหน้าร้อยละ 90 คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 20 - 25 ธันวาคม 2567 ก่อนครบกำหนดฝากขังครั้งที่หก ในวันที่ 27 ธันวาคม 2567 เพื่อให้พนักงานอัยการได้มีเวลาในการพิจารณาสำนวนการสอบสวนอีกไม่น้อยกว่า 12 วัน

นอกจากนั้นที่ประชุมยังได้พิจารณาประเด็นที่ปรากฏข่าวกรณีมีคลิปเสียงของทนายความของผู้ต้องหา บางคน มีการพูดคุยในกลุ่มลับ ครอบครัวดิไอคอน ในลักษณะข่มขู่ว่า “รายชื่อผู้กล่าวหาคนที่แจ้งความทั้งหมดจะได้ในสัปดาห์หน้าแน่นอน ทางบริษัทพิจารณาดำเนินคดีกับตัวแทนที่ไปแจ้งความทุกคนในข้อหาแจ้งความเท็จและกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นรับโทษทางอาญา ใครที่อยู่ฝั่งผู้เสียหาย ให้ฟังไว้”

ซึ่งต่อมาปรากฏข้อเท็จจริงว่าก่อนหน้านี้ทนายความดังกล่าวได้ทำหนังสือมาขอรายชื่อพยานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยอ้างว่าจะช่วยเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ภายหลังมีการออกรายการโทรทัศน์แห่งหนึ่งรับว่าเป็นเสียงของตนเองและชี้แจงสาธารณะว่าการข่มขู่ดังกล่าวเป็นการใช้สิทธิตามปกตินิยม ไม่เป็นความผิดอาญานั้น ที่ประชุมเห็นว่าเมื่อมีบุคคลใดมาให้การเป็นพยาน

ในคดีอาญากับพนักงานสอบสวนไม่ว่าจะเป็นในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ ย่อมต้องได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นหน้าที่ ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในการที่จะต้องดำเนินการให้พยานได้รับการปกป้องตามกฎหมายด้วย

พฤติกรรมดังกล่าว อันเป็นการกล่าวรวมทำนองว่าจะดำเนินคดีกับพยานทุกคนที่ไปให้การต่อเจ้าหน้าที่รัฐในคดีอาญาฐานแจ้งความเท็จและกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นต้องรับโทษในทางอาญา โดยไม่แยกแยะว่าพยานคนใดที่ให้การไม่ตรงความจริงจะดำเนินคดี จึงอาจเป็นกรณีใช้สิทธิเกินขอบเขตตามปกตินิยมของกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เป็นเรื่องที่หมิ่นเหม่ต่อการทำผิดกฎหมายอาญาและเข้าข่ายไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือไม่ 

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้มีมติปฏิเสธการให้รายชื่อพยานเนื่องจากไม่มีสิทธิตามกฎหมาย รวมทั้งมอบให้ กองเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบเปิดระบบรับแจ้งข้อมูลและเบาะแสจากผู้ที่ได้รับผลกระทบต่อการกระทำดังกล่าวผ่านระบบ QR Code ที่หน้าเว็บไซต์กรมสอบสวนคดีพิเศษ www.dsi.go.th เพื่อจะได้พิจารณาให้เป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองพยานในคดีอาญา และมอบหมายให้กองกฎหมายพิจารณาความเห็นเสนอ เพื่อพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว เป็นไปเพื่อคุ้มครองพยานในคดีอาญาอันเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน มิให้มีผู้ใดมารบกวนเสรีภาพในการให้ถ้อยคำต่อเจ้าหน้าที่ อันเป็นหลักประกันในการดำเนินคดีอาญา

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์