ภารกิจกู้ชีวิตช้างที่ถูกมวลน้ำแม่แตง ทะลักเข้าท่วมพื้นที่เลี้ยงช้างของศูนย์บริบาลช้าง ภายในมูลนิธิช้างและสิ่งแวดล้อม ตำบลกึ๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ นับเป็นบทเรียนสำคัญครั้งแรกของประเทศไทย ที่ต้องเผชิญเหตุการณ์กู้ภัยช้างปกติและช้างพิการนับร้อยชีวิต ที่กำลังจมน้ำแทบเอาชีวิตไม่รอด และท้ายที่สุด ช้าง 2 เชือกจมน้ำตายอย่างน่าเวทนา
นาทีระทึกที่มีช้างลอยมากับน้ำที่ไหลเชี่ยว ทำให้ควาญช้างหลายคนที่กำลังเลี้ยงช้างตามลำน้ำแม่แตง ต่างรวมตัวกันกล้าเสี่ยงตาย ไปช่วยชีวิตช้างแบบไม่ห่วงชีวิตตัวเอง แม้ไม่ใช่ช้างที่ตัวเองเลี้ยง แต่เป็นช้างของมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม ที่อพยพช้างไม่ทัน ถือเป็นภารกิจหินที่ควาญช้างต้องยอมรับอันตรายเกิดขึ้นได้ทุกวินาที
หนึ่งในควาญช้างที่เข้าไปช่วยเหลือช้างแบบไม่คิดชีวิตเปิดใจกับ ทีมข่าว Spacebar Big City แต่มีเหตุผลเดียว คือ รักช้างและไม่อาจทำใจได้ หากจะปล่อยให้จมน้ำตายไปต่อหน้าต่อตา เป็นถ้อยคำที่กลั่นออกมาจากใจของคนเลี้ยงช้างมานานกว่า 20 ปี อย่าง ควาญเบิ้ม หรือ ประเสริฐ สุโท ชาวอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ พรั่งพรูออกมา หลังจากสถานการณ์ทุกอย่างได้เริ่มคลี่คลายลง
ควาญเบิ้ม เล่าว่า ปางช้างของเขาอยู่ติดกับปางช้างของมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม ในวันเกิดเหตุ เห็นช้างลอยน้ำผ่านไป 2 เชือก นาทีนั้นรู้ว่าทันทีว่า ต้องมีเหตุร้ายเกิดขึ้นแน่นอน จึงคว้าเรือออกช่วยเหลือทันที แต่กระแสน้ำแม่แตงไหลแรง จนพัดช้าง 2 เชือก คือ พังฟ้าใส และพังพลอยทอง ไปไกลเกินกว่าจะติดตามไปได้ทัน
“ระหว่างนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติศรีล้านนา 5-6 คน นำเรือมาพอดี จึงได้ลงเรือไปปฎิบัติภารกิจร่วมกัน จำได้ว่ามวลน้ำตอนนั้นไม่เพียงแต่ไหลแรงแล้ว แต่ระดับน้ำไม่น่าจะต่ำกว่า 3 เมตร ภาพที่เห็นคือ ช้างจำนวนหลายเชือกลอยคออยู่ในคอก และพยายามตะเกียกตะกายให้รอดจากการจมน้ำ แต่อุปสรรคอยู่ที่ไม่สามารถจะเปิดประตูคอกให้ช้างออกมาได้”
ด้วยประสบการณ์ของความเป็นควาญช้างของ ควาญเบิ้ม จึงตัดสินใจดำน้ำลองไปแกะโซ่ที่ประตูคอก แต่ก็เป็นเหล็กที่แน่หนามา บางคอกก็เปิดได้ บางคอกก็เปิดไม่ได้ แต่ก็ช่วยเหลือนาทีต่อนาที บางเชือกต้องว่ายน้ำไปขึ้นคอช้าง เพื่อมัดเชือกแล้วใช้เรือ 2 ลำประกบตัวช้างออกยังพื้นที่ปลอดภัย จำได้ว่า น่าจะช่วยได้ประมาณ 10 เชือก
“เวลานี้พอมานั่งคิดแล้วย้อนไปถึงวันนั้น ผมเสี่ยงมากที่เอาชีวิตไปแลกกับการช่วยเหลือช้างที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ไม่เคยเลี้ยง ไม่เคยสัมผัส มีช้าง 1 เชือกที่ผมและทีมงานไปช่วย เขาน่าจะตกใจจากน้ำท่วม และมาเจอกับคนที่ไม่คุ้นเคย เขาใช้เท้าหลังเตะ และใช้งวงพาดจนเรือพลิกคว่ำ แต่ทุกคนก็ไม่ได้ละความพยายาม นำช้างพ้นวิกฤตจมน้ำได้อย่างปลอดภัย” ควาญเบิ้ม เล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ ที่จะอยู่ในความทรงจำไปตลอดชีวิต



อีกหนึ่งคนที่เข้าไปปฏิบัติภารกิจกู้ภัยช้าง โดยไม่ห่วงชีวิตและเป็นหนึ่งในควาญช้างที่มีประสบการณ์เลี้ยงช้างมานานกว่า 26 ปี และเคยช่วยเหลือนักท่องเที่ยวจีนให้รอดพ้นจากช้างตกมัน และทำร้ายควาญช้างจนเสียชีวิต คนนั้น คือ ควาญขลุ่ย หรือ โนลอย กิงดอยหลวง ในครั้งนี้เขายอมรับว่าไม่กลัว ในชีวิตผ่านเรื่องราวของช้างมานับไม่ถ้วน คิดเพียงสิ่งเดียวคือ ต้องช่วยช้างให้รอด ทั้งที่ไม่ใช่ปางช้างที่เขาทำงานอยู่
ภาพแรกที่เขาเห็นคือ มวลน้ำแม่แตง มีสีน้ำตาลขุ่นจำนวนมหาศาลที่ไหลบ่าท่วมพื้นที่แทบจะทั้งหมด เห็นช้างลอยคอยจมน้ำอยู่ในคอกอย่างน่าสงสาร บางตัวหัวจมน้ำ บางตัวพยายามจะที่ว่ายน้ำ และชูงวงมาหายใจ ทีมงานที่เข้าไปช่วยช้าง พยายามที่จะเปิดประตูคอก แต่ทำไม่สำเร็จ ต้องใช้เลื่อยมาตัดนานกว่าที่จะช่วยเหลือออกมาได้ และไม่ง่ายเลย เพราะส่วนใหญ่เป็นช้างพิการที่ช่วยเหลือตัวได้น้อย และต่างมีอาหารกลัว ร้องเสียงดังตลอดเวลา
“ผมเพิ่งเคยเจอเหตุการณ์น้ำท่วมแบบนี้ และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ต้องเสี่ยงชีวิตไม่ใช่แค่การฝ่ายกระแสน้ำเชี่ยวเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเสี่ยงกับช้าง ที่อยู่ในอาการตกใจและพร้อมจะทำร้ายได้ตลอดเวลา เพราะตื่นกลัว ยิ่งช้างตาบอด ไม่คุ้นเสียงของพวกเรา แม้จะใช้เชือกดึงนำทางเขาออกมา แต่บางเชือกมีอาการดื้อ ต่อต้านไม่ให้ช่วยเหลือ มีบางช่วงเรือก็ถูกช้างชน เป็นการช่วยเหลือที่ทุลักทุเลมาก” ควาญขลุ่ย กล่าว
ทีมช่วยสัตว์กว่าจะออกมาจากพื้นที่วิกฤตก็น่าจะเกือบ 22.00 น.ของวันเกิดเหตุ ซึ่งทุกทีมก็ขอยุติการช่วยเหลือ เพราะสภาพมืด และมวลน้ำยังแรงอาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้ ต่อมาตอนช้างได้เดินทางกลับไปอีกครั้ง พบช้างพลาย 3 เชือกที่อยู่ในดอกเต็มไปด้วยโคลนแต่มีอาการอ่อนเพลียจากที่ลอยอยู่ในน้ำเป็นเวลา และเมื่อระดับน้ำลดลงแล้ว ได้พบช้างหลายเชือกที่ออกมาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยก็รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก เป็นความภูมิใจครั้ง หนี่งในชีวิต



อีกหนึ่งควาญช้างที่ได้เข้าไปร่วมช่วยชีวิตช้างให้รอดปลอดภัยกลับมาใช้ชีวิตได้ดั่งเดิม คือ ควาญแบงก์ หรือ พิสิษฐ์ อินสำราญ ที่ใช้ใจนำทางไม่เกรงกลัวต่ออันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับชีวิตของตนเอง เขาเล่าว่า ระหว่างกำลังดูแลช้างในปางช้างแม่แตง มีชาวบ้านวิ่งมาบอกว่า พบช้างลอยน้ำให้ไปช่วยกัน หากว่าลอยไปใกล้กับอุโมงค์ ซึ่งเป็นจุดอันตราย ช้างอาจจะไม่รอด จึงได้ขออนุญาต เจ้าของปางช้างแม่แตง วาสนา ทองสุข ก่อนที่จะบอกว่า รีบๆ ไปช่วย ช้างมีบุญคุณกับเราทุกคน
ตอนนั้น ปริมาณน้ำแม่แตงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่สามารถที่จะเดินทางเข้าไปยังมูลนิธิรักษ์ช้าง และสิ่งแวดล้อมได้ จึงตัดสินใจชวนเพื่อนควาญช้างด้วยกัน 4-5 คน เดินเท้าขึ้นเขาไปอ้อมลงมายังจุดที่เกิดเหตุช้างจมน้ำ พบช้าง 1 เชือกกำลังลอยมา จึงได้ช่วยกัน แม้ว่ารู้ว่าเสี่ยงไม่คุ้นเคยกับช้างเชือกนั้น แต่เขากับเพื่อนควาญก็เอาเชือกไปดึง ให้ช้างรู้สึกตัว เพราะขาพิการ และเริ่มอ่อนแรง พอช่วยขึ้นมาได้ ก็พาเดินไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย
“ผมสังเกตเห็นแววตาของเขา ไม่ได้ท่าทางดุร้าย แต่มีแววตาเป็นมิตร พอพวกเราช่วยเหลือเขามาได้แล้ว ก็เลยไปลูบตัวเขาแล้วบอกว่า ปลอดภัยแล้วนะ วันนั้นความรู้สึกของควาญทุกคน มันบอกไม่ถูก รู้เพียงอย่างเดียวว่า พวกเราอยู่กับช้างมาเป็นเวลานาน ช้างก็เหมือนครอบครัวเดียวกับพวกเรา และมันเป็นไปได้ยาก หากว่าเราจะปล่อยให้เขาตายไปต่อหน้าต่อตา แม้ว่าจะไม่ใช้ช้างในการดูแลของเราก็ตาม”
“หลังจากนั้น ในช่วงเย็น พวกเราได้ตัดสินใจจะกลับไปช่วยช้างที่ยังตกค้างอยู่ในคอกอีกจำนวนหลายเชือก ช่วงที่เข้าไปเขาจำติดตา ช้างหลายเชือกพยายามปีนออกจากคอก เพื่อหนีเอาชีวิตรอด ท่ามกลางกระแสน้ำที่แรงมาก ภาพถัดคือ พบช้างตาบอด ที่กำลังเริ่มอ่อนแรง ยกเพียงงวงออกมากหายใจเหนือน้ำเป็นครั้งๆ ตอนนั้นผมตัดสินเข้าไปขี่คอพยายามปลุกให้เขาตื่น ส่วนทีมงานก็พายเรือไปตามกำลังมาเสริม นาทีนั้นไม่มีความกลัว ปกติแล้วควาญจะไม่ไปขี่คอช้างที่ไม่เคยได้เลี้ยงดูแลกัน เพราะไม่รู้อุปนิสัยใจคอ แต่นาทีนั้น คิดอย่างเดียวจะทำอย่างไรก็ตาม ช้างต้องรอด กระทั่งเราได้อุปกรณ์มา และมีเรือมาประกบข้างช่วยพยุงให้เขารอด ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง จนสามารถพาช้างฝ่ากระแสน้ำออกมาได้อย่างปลอดภัย”
“ผมดีใจมาก ผมพูดกับช้างตาบอดเชือกนั้นว่า แม่ปลอดภัยแล้วนะ เขายืนนิ่งเหมือนรับรู้ ทั้งที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และมารู้ที่หลังว่า ช้างตาบอดเชือกนั้นชื่อ ‘พังแม่บุญ’ ส่วนอีกเชือก ชื่อ ‘น้องแอปเปิ้ล’
พอหลังจากที่ผ่านพ้นช่วงวิกฤตไปแล้ว มานั่งทบทวนกับเพื่อนๆว่า เราทำอะไรที่เสี่ยงกับชีวิตมาก แต่อย่างน้อยไม่ได้นิ่งดูดาย เราก็คือคนรักช้าง ถ้าเราไม่ช่วยช้างใครจะช่วย” ควาญแบงก์ เล่าถึงความประทับใจที่มีต่อช้างเพื่อนๆ ควาญช้างที่ไปเสี่ยงชีวิตเพื่อช้างด้วยกัน

ท้ายที่สุดของบทสนทนาระหว่างทีมข่าว Spacebar Big City กับควาญช้าง ทั้ง 3 คน ที่เป็นตัวแทนเล่าความรู้สึกของควาญช้างอีกหลายชีวิตที่เข้าไปช่วยชีวิตช้างให้รอดจากความตายจากอุทกภัยในครั้งนี้ พวกเขาไม่เคยออกมาโอ้อวดความเก่งกาจ แต่หารู้ไม่ว่า ภาพที่อยู่ในน้ำลากช้างออกมากอย่างปลอดภัย ได้เผยแพร่ออกไปสู่สายตาชาวโลก เขาคือ ควาญช้างไทย…ที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก

