




พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พร้อม พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รองผบช.สอท. และ พล.ต.ต.ณัฐกรประภายนต์ ผบก.สอท.2 เปิดเผยผลการตรวจค้นห้องพักของ ‘จ.ส.ท.เขมรัตน์ บุญช่วย’ นายทหาร สังกัดกรมการขนส่งทหารบก ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ในคดี แฮกเกอร์ ‘9Near’
โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ ระบุว่าผู้ต้องหา ยังคงอ้างว่าซื้อข้อมูลมาจากดาร์กเว็บ ไม่ได้แฮกข้อมูลเอง และไม่ได้นำข้อมูลไปขายต่อ ส่วนแรงจูงใจการก่อเหตุมี 3 เจตนา คือ เจตนาแรกต้องการประกาศขายข้อมูลส่วนตัว แต่พอเรื่องไม่ดัง ก็เข้าสู่เจตนาที่สองคือ โพสต์ว่านำไปเผยแพร่ต่อในลักษณะข่มขู่ กระทั่งทราบว่าตัวเองจะถูกตามจับกุม จึงเบี่ยงประเด็นไปเชื่อมโยงเรื่องทางการเมือง เชื่อว่าผู้ต้องหาทำไปเพราะอยากลองภูมิตัวเองว่ามีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ และคิดว่าตำรวจคงตามตัวไม่เจอ
และจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน พบว่าเลขไอพีคอมพิวเตอร์ของผู้ต้องหา ตรงกับห้องพักที่ผู้ต้องหาใช้ก่อเหตุ ตามคำรับสารภาพ
ส่วนสาเหตุที่การจับล่าช้า พล.ต.ท.วรวัฒน์ ชี้แจงว่าเป็นเพราะผู้ต้องหาทิ้งอุปกรณ์ติดตามตัวทุกอย่าง แล้วหลบหนีไปที่ จ.เชียงราย เพียงคนเดียว โดยระหว่างหลบหนีได้แวะหาเพื่อนระหว่างทางด้วย
นอกจากนี้ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ต้องหายังพบความเชื่อมโยงไปถึงตัวภรรยาด้วย โดยเป็นเงินสดที่กดออกมาจากตู้ ATM จำนวน 400 บาท เพื่อนำมาสมัครบริการส่งข้อความ sms แต่ตัวภรรยาของผู้ต้องหา อ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
ด้าน พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า จากการตรวจค้นห้องพักผู้ต้องหา พบฮาร์ดดิสต์ 7-8 ตัว รีโมตควบคุมทางไกล โน้ตบุ๊ก อุปกรณ์ซ่อมคอมพิวเตอร์จำนวนมาก รวมถึงเราเตอร์อินเตอร์เน็ตและพ็อคเก็ตไวไฟ 3 ค่าย ถือว่าเป็นผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างสืบหาว่าผู้กระทำผิดคนอื่นเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ ระบุว่าผู้ต้องหา ยังคงอ้างว่าซื้อข้อมูลมาจากดาร์กเว็บ ไม่ได้แฮกข้อมูลเอง และไม่ได้นำข้อมูลไปขายต่อ ส่วนแรงจูงใจการก่อเหตุมี 3 เจตนา คือ เจตนาแรกต้องการประกาศขายข้อมูลส่วนตัว แต่พอเรื่องไม่ดัง ก็เข้าสู่เจตนาที่สองคือ โพสต์ว่านำไปเผยแพร่ต่อในลักษณะข่มขู่ กระทั่งทราบว่าตัวเองจะถูกตามจับกุม จึงเบี่ยงประเด็นไปเชื่อมโยงเรื่องทางการเมือง เชื่อว่าผู้ต้องหาทำไปเพราะอยากลองภูมิตัวเองว่ามีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ และคิดว่าตำรวจคงตามตัวไม่เจอ
และจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน พบว่าเลขไอพีคอมพิวเตอร์ของผู้ต้องหา ตรงกับห้องพักที่ผู้ต้องหาใช้ก่อเหตุ ตามคำรับสารภาพ
ส่วนสาเหตุที่การจับล่าช้า พล.ต.ท.วรวัฒน์ ชี้แจงว่าเป็นเพราะผู้ต้องหาทิ้งอุปกรณ์ติดตามตัวทุกอย่าง แล้วหลบหนีไปที่ จ.เชียงราย เพียงคนเดียว โดยระหว่างหลบหนีได้แวะหาเพื่อนระหว่างทางด้วย
นอกจากนี้ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ต้องหายังพบความเชื่อมโยงไปถึงตัวภรรยาด้วย โดยเป็นเงินสดที่กดออกมาจากตู้ ATM จำนวน 400 บาท เพื่อนำมาสมัครบริการส่งข้อความ sms แต่ตัวภรรยาของผู้ต้องหา อ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
ด้าน พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า จากการตรวจค้นห้องพักผู้ต้องหา พบฮาร์ดดิสต์ 7-8 ตัว รีโมตควบคุมทางไกล โน้ตบุ๊ก อุปกรณ์ซ่อมคอมพิวเตอร์จำนวนมาก รวมถึงเราเตอร์อินเตอร์เน็ตและพ็อคเก็ตไวไฟ 3 ค่าย ถือว่าเป็นผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างสืบหาว่าผู้กระทำผิดคนอื่นเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่