ผศ.พนมกร ขวาของ ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และ ดร.สุธา ลอยเดือนฉาย ทีมนักวิจัย ร่วมกันเปิดตัวแผ่นลดแรงกระแทกสำหรับป้องกันกระสุนปืน ผลิตขึ้นจากเส้นใยกัญชงและเส้นใยพลาสติก ซึ่งเป็นวัสดุจากธรรมชาติและเหลือใช้ ที่หาได้ง่ายมาใช้ในงานวิจัยครั้งนี้
ผศ.พนมกร เปิดเผยว่า เกราะชนิดนี้มีจุดเด่นที่เน้นการใช้งานได้จริง สามารถป้องกันแรงกระแทกจากอาวุธสมัยใหม่ได้ดี มีน้ำหนักเบา สะดวกสบายในการสวมใส่ วัสดุหาได้ง่ายในประเทศ ที่สำคัญงานวิจัยชิ้นนี้เกิดขึ้นและผลิตโดยนักวิจัยไทย ทำให้ราคาแผ่นเกราะกันกระสุนมีราคาถูกลง มีประสิทธิภาพดี สามารถประยุกต์ใช้เชิงพาณิชย์ได้

“เดิมทีงานวิจัยชิ้นนี้ ตั้งใจจะใช้เส้นใยกัญชามาใช้เป็นวัสดุกันแรงกระแทก เพราะมีเศษวัสดุเหลือใช้เป็นจำนวนมาก แต่เนื่องจากกังวลเรื่องข้อกฎหมายของกัญชาที่ยังไม่ชัดเจน จึงปรับเปลี่ยนมาใช้เส้นใยกัญชง โดยนักวิจัยมองว่าเส้นใยกัญชงเป็นวัสดุเหลือทิ้ง เราสามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ ผลงานวิจัยล่าสุด คือ งานวิจัยเกราะกันแรงกระแทกป้องกันกระสุนปืน มีส่วนผสมหลัก 4 ชนิด คือ เส้นใยกัญชง 10-60% เส้นใยพลาสติกชนิดโพลีเอทิลีน เทเรฟทาเลต 20-60% เรซิ่น 30-60% และผ้า 10-30% ”
— ผศ.พนมกร ขวาของ


สำหรับเกราะกันแรงกระแทกจากกระสุน ออกแบบให้มีขนาด 10x12 นิ้ว อาจารย์สุธา ระบุว่า เป็นขนาดมาตรฐาน สามารถป้องกันส่วนสำคัญของร่างกาย คือ กระดูกซี่โครง ตับ ม้าม ไม่ให้ได้รับอันตราย ออกแบบจากขนาดที่เจ้าหน้าที่ใช้งานจริง เมื่อใช้ปฏิบัติหน้าที่มีขนาดพอเหมาะกับเสื้อเกราะที่เจ้าหน้าที่สวมใส่ น้ำหนักเบา คล่องตัว ทนทาน วัสดุแต่ละชนิดมีคุณสมบัติพิเศษ คือ เส้นใยกัญชงมีความเหนียว แต่มีข้อจำกัดที่เส้นใยมีความเปราะ แต่เมื่อผสมกับเรซิ่นเส้นใยกัญชงจะมีความแข็งแรงสูงเหมือนเหล็ก จะเป็นตัวหยุดหัวกระสุน


“ส่วนเกราะด้านหลัง จะเป็นเส้นใยพลาสติก ชนิดโพลีเอทิลีน เทเรฟทาเลต หรือ PET ที่มีคุณสมบัติเมื่อรับแรงจะยืดก่อนขาด รับแรงกระจายได้ดี เมื่อนำมาถักทอเป็นแผ่นใช้เป็นชิ้นหลังเกราะจะเป็นตัวกระจายแรง เพื่อกระสุนจะได้ไม่ทะลุโดนผู้ปฏิบัติหน้าที่”
“เกราะกันกระสุนใยกัญชงผลิตขึ้น เพื่อใช้ในการป้องกันกระสุนปืนขนาด 9 มม. และ .357 แมกนั่ม ที่มีมาตรฐานในระดับ 2 ตามมาตรฐานสถาบันยุติธรรมแห่งชาติสหรัฐอเมริกาหรือเอ็นไอเจ ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้ในการประเมินและจัดระดับการป้องกันกระสุนของเสื้อเกราะหรือวัสดุกันกระสุน โดยแบ่งระดับตามชนิดของกระสุนและพลังงานการเจาะทะลุ จากการทดสอบ พบว่าสามารถป้องกันกระสุนทั้ง 2 ขนาดได้ ที่ความเร็วกระสุนสูงสุด 430 เมตรต่อวินาที”
— ดร.สุธา ลอยเดือนฉาย


“จุดเด่นของเกราะกันกระสุนนี้ ยังน้ำหนักเบา 650-1,500 กรัมต่อแผ่น และต้นทุนในการผลิตเฉพาะเกราะประมาณ 3,500 บาท หากรวมกับเสื้อเกราะที่บรรจุแผ่นกันกระสุน ที่ดีไซน์ออกมาในรูปแบบของกระเป๋าเป้สะพายหลัง ทำให้พกพาง่ายและเหมาะกับงานสืบสวน ซึ่งจะต้องแฝงตัวขณะปฏิบัติหน้าที่ไม่ให้คนร้ายและประชาชนทั่วไปรู้ว่าเป็นตำรวจ ส่วนราคาประเมินเบื้องต้นตัวละ 8,000 บาท จึงถือว่าเสื้อเกราะจากใยกัญชง และเส้นใยพลาสติกที่ทีมวิจัยมหาวิทยาลัยขอนแก่นทำสำเร็จเป็นทีมแรกของประเทศไทย”
สำหรับการทดสอบเกราะกันกระสุนเส้นใยกัญชงและเส้นใยพลาสติก ได้รับความร่วมมือจากตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ สังกัดตำรวจภูธรภาค 4 ที่เข้าร่วมการทดสอบและสังเกตการณ์ และมีการทดลองยิง 5 นัด ตำรวจใช้ปืนบรรจุกระสุนขนาด 9 มม. 3 นัด และกระสุนขนาด .45 มม. 2 นัด กระสุนเข้าเป้าทุกนัด ซึ่งนัดแรกนั้นเป็นกระสุนขนาด 9 มม. หลังการทดลองกระสุนไม่ทะลุ มีรอยนูนด้านหลังเกราะกันแรงกระแทกเพียงเล็กน้อย แต่ไม่สร้างความเสียหาย หรือบาดเจ็บให้กับผู้สวมใส่
พ.ต.ท.สุรัตน์ วันทะมาตร รองผกก.สส.สภ.ท่าพระ จ.ขอนแก่น ผู้ร่วมสังเกตการณ์ กล่าวว่า สำหรับงานวิจัยเกราะกันแรงกระแทกจากเส้นใยกัญชง ที่เข้ามาร่วมสังเกตการณ์ ได้ประเมินประสิทธิภาพของเกราะกันแรงกระแทกนัดต่อนัด ข้อดีจากการทดสอบคือ เมื่อทดสอบยิงทั้ง 5 นัดแล้วพบว่าด้านหลังเกราะกันกระสุน มีรอยปูดเพียงเล็กน้อย ในฐานะผู้ปฏิบัติงานเมื่อเห็นประสิทธิภาพจากการทดสอบ เชื่อว่าเกราะกันกระสุนที่นักวิจัยออกแบบมีประสิทธิภาพ สามารถใช้สวมใส่ในการปฏิบัติหน้าที่ได้จริง และเชื่อว่าจะทำให้เจ้าหน้าที่มีความปลอดภัยจากการทำงานมากขึ้น


“ในความเป็นจริงการปฏิบัติหน้าที่ เมื่อเจ้าหน้าที่ยิงต่อสู้กับคนร้าย หากถูกยิงนัดแรกเจ้าหน้าที่จะรีบหาที่กำบังแล้ว ซึ่งจากการทดสอบนัดแรกเกราะกันกระสุนไม่ทะลุมาด้านหลัง ซึ่งนัดแรกที่ยิงมาแล้วสามารถป้องกันอันตรายได้ ก็ถือว่าคุ้มค่า แม้ว่าเสื้อเกราะจะถูกออกแบบและผลิตขึ้นมา โดยมีวัตถุประสงค์ในการป้องกันผู้สวมใส่ จากการคุกคามประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระสุน สะเก็ดระเบิดหรือแรงระเบิด หากแต่พึงระลึกไว้เสมอว่า ไม่มีเสื้อเกราะชนิดใดที่จะปลอดภัยเต็มร้อย เพราะการทำงานจริงมีปัจจัยหลายอย่างที่ก่อให้เกิดอันตรายได้ทุกเมื่อ”
“เป็นเรื่องที่ดีที่ทางนักวิจัยเห็นความสำคัญของเจ้าหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่อันตราย ทำให้ตำรวจได้เห็นขั้นตอนการทดลอง กระบวนการในการวิจัยที่เป็นระบบ มีผลการวิจัย มีมาตรฐานในการวัดคุณภาพ ทำให้อุ่นใจ และมีทางเลือกใช้เกราะกันกระสุนป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่”
— พ.ต.ท.สุรัตน์ วันทะมาตร


สำหรับ ผศ.พนมกร และอาจารย์ สุธา เคยร่วมกันวิจัยแผ่นรังไหมสำหรับรับแรงกระสุนปืน จากเดิมสามารถป้องกันกระสุนปืนสั้น จึงพัฒนาต่อยอดเป็นแผ่นรังไหมรับแรงกระสุนปืน ขนาด 5.56 มม. และกระสุนปืนเอ็ม 16 อาวุธที่ใช้ทางทหารได้สำเร็จ และล่าสุดได้วิจัยและผลิตเกราะกันแรงกระแทกจากเส้นใยกัญชงและเส้นใยพลาสติกสำเร็จ และได้จดอนุสิทธิบัตรเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่เกิดจากผลงานสร้างสรรค์จากการประดิษฐ์คิดค้นไว้เรียบร้อยแล้ว