วันนี้ (21 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวคำปราศรัยเนื่องใน วันน้ำโลก ประจำปี 2568 ว่า องค์การสหประชาชาติกำหนดให้วันที่ 22 มีนาคมของทุกปีเป็นวันน้ำโลก เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและกระตุ้นให้ประชาคมโลกอนุรักษ์ ฟื้นฟู และใช้ทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน
ปัจจุบันจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศส่งผลให้ธารน้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็ว สร้างผลกระทบต่อระบบนิเวศและการดำรงชีวิตของมวลมนุษยชาติ รวมถึงประเทศไทยของเราที่ได้รับผลกระทบจากการเกิดสถานการณ์ภัยแล้งและอุทกภัยที่ผ่านมา ปี พ.ศ. 2568 องค์การสหประชาชาติ จึงกำหนดให้เป็น ปีสากลแห่งการอนุรักษ์ธารน้ำแข็ง ภายใต้หัวข้อ Glacier Preservation เพื่อให้ทุกประเทศตระหนักถึงแหล่งน้ำจืดสำคัญที่หล่อเลี้ยงระบบนิเวศและควบคุมสภาพภูมิอากาศของโลก
รัฐบาลให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างบูรณาการ และดำเนินนโยบายที่สอดคล้องกับแนวทางของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ เป้าหมายที่ 6 การจัดหาน้ำสะอาดและการสุขาภิบาล โดยเน้นการจัดหาแหล่งน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคให้ประชาชนอย่างเพียงพอต่อความต้องการ เพื่อรองรับการเติบโตของเมืองและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก
รวมทั้งมุ่งเน้นการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้ง การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน ส่งเสริมให้ประชาชนทุกภาคส่วนร่วมอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ โดยเฉพาะการใช้น้ำอย่างประหยัดและคุ้มค่า มีระบบการจัดการขยะมูลฝอยอย่างถูกวิธี และการมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาแหล่งน้ำในชุมชน
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังส่งเสริมความร่วมมือด้านน้ำในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับประชาคมโลกเพื่อแก้ไขปัญหาและรับมือกับวิกฤตด้านน้ำ
“ด้วยเชื่อมั่นในความร่วมมือและความสามัคคีของทุกภาคส่วน เนื่องในโอกาส วันน้ำโลก ปี 2568 ขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยทุกท่านและหน่วยงานทุกภาคส่วนร่วมกันอนุรักษ์แหล่งน้ำ ใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า ร่วมปรับตัวต่อสถานการณ์น้ำของโลก และเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้ประเทศไทยมีน้ำเพียงพอสำหรับอนาคต เพราะว่าเราทุกคนมีบทบาทสำคัญในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้แก่โลกและลูกหลานของเรา”
นายกรัฐมนตรี กล่าว