‘นักข่าว’ ยื่นสภาทนาย! สอบสื่อรับเงิน ถกมรรยาท ‘ทนายตั้ม’ แถลงโยง

28 มีนาคม 2567 - 08:00

Journalists-Association-submits-complaint-to-the-Lawyers-Council-Examine-SPACEBAR-Hero.jpg
  • ‘สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ’ ยื่นสภาทนายความตรวจสอบเพิ่มเติมปมสื่อรับเงินแหล่งข่าว

  • พร้อมถกประเด็นตรวจสอบ ‘มรรยาททนาย’ หลัง ‘ทนายตั้ม’ แถลงโยง

28 มีนาคม 2567 น.รินี เรืองหนู นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย พร้อมด้วย จีรพงษ์ ประเสริฐพลกรัง เลขาธิการสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เข้ายื่นหนังสือถึง ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนักข่าวรับเงินจากแหล่งข่าว ซึ่งตั้งขึ้นตั้งแต่เกิดคดีที่ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) และปรากฏข้อมูลว่ามีนักข่าวบางส่วนรับเงินจากแหล่งข่าว โดยการตรวจสอบข้อเท็จจริงในคดีนั้นยังไม่แล้วเสร็จ

แต่ล่าสุดจากการแถลงข่าวของ ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ‘ทนายตั้ม’ มีการเผยแพร่ข้อมูลว่ามีนักข่าวและสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย รับเงินจากแหล่งข่าวและเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ โดยเฉพาะ ‘อุปนายก ตัวย่อ ว.’  จึงจะขอให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงรับคดีดังกล่าวไปตรวจสอบเพิ่มเติมด้วย

จีรพงษ์ เลขาธิการสมาคมนักข่าวฯ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (27 มี.ค.67) ตนได้พบกับทนายตั้ม และได้พูดคุยกันเล็กน้อยและสอบถามถึงข้อเท็จจริง โดยชี้แจงว่าอุปนายกของสมาคมฯ ตัวย่อ ว. ในอดีตมีหลายคน ซึ่งทนายตั้มยืนยันว่าข้อมูลการรับเงินเป็นไปตามที่เผยแพร่ และเป็นเรื่องของบุคคล ไม่ได้พาดพิงถึงตัวองค์กร ส่วนจะเป็นอุปนายกท่านใดนั้นให้ทางสมาคมฯ ไปตรวจสอบกันเอง

“อย่างไรก็ตามการที่ทนายตั้มออกมาเปิดเผยแค่ตัวย่อ ทำให้ยากที่องค์กรจะตรวจสอบ เพราะไม่อยากพุ่งเป้าไปที่คนใดคนหนึ่ง เพียงเพราะมีตัว ย่อ ว. เหมือนกัน จะกลายเป็นการกล่าวหาบุคคลนั้น ทั้งที่ตัวย่อดังกล่าวมีหลายคน แต่ทางสมาคมฯ  ยินดีที่จะถูกตรวจสอบหรือถูกคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรียกมาให้ข้อมูล”

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่ากรณีนี้จะสามารถตรวจสอบมรรยาททนาย ความของทนายตั้มได้หรือไม่ เลขาธิการสมาคมนักข่าวฯ กล่าวว่า จะมีการหารือในประเด็นนี้กับสภาทนายความด้วย แต่ก็เป็นเพียงประเด็นร้อง อย่างไรก็ตามฝากถึงทนายความว่า ทนายทุกคนสามารถที่จะแถลงข่าวในประเด็นต่างๆ ได้ แต่จะต้องมีเหตุผลและหลักฐานที่เพียงพอ รวมถึงต้องไม่ฝ่าฝืนข้อบังคับของมรรยาททนายความ

Journalists-Association-submits-complaint-to-the-Lawyers-Council-Examine-SPACEBAR-Photo01.jpg
Journalists-Association-submits-complaint-to-the-Lawyers-Council-Examine-SPACEBAR-Photo02.jpg

ด้าน ดร.วิเชียร นายกสภาทนายความ เปิดเผยว่า การตรวจสอบนักข่าวที่รับเงินจากแหล่งข่าวในคดีแรกนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบข้อเท็จจริงพยานไปเกือบเสร็จแล้ว เหลืออีกแค่บางปากก็จะเสร็จสมบูรณ์ และเมื่อมีการยื่นขอให้ตรวจสอบกรณีที่ทนายตั้มแฉเพิ่มเติม ตนก็จะรับเรื่องไว้ และคาดว่าน่าจะสอบพยานเพิ่มเติมอีกไม่มาก จากเดิมที่สภาทนายความตั้งกรอบระยะเวลาไว้ 90 วัน ตอนนี้ใกล้ครบกำหนดแล้ว ดังนั้นก็คาดว่าจะขยายเวลาออกไปอีกประมาณ 1 เดือน ก็น่าจะเพียงพอในการตรวจสอบทั้ง 2 กรณี ก่อนจะมีการเปิดเผยผลการตรวจสอบในคราวเดียวกัน

ส่วนกรณีที่ทนายตั้มออกมาแถลงข่าวพาดพิงถึงบุคคลอื่นในที่สาธารณะ จนทำให้เกิดความเสียหายนั้นผิดมรรยาททนายความหรือไม่ นายกสภาทนายความ กล่าวว่า ยังไม่ได้ดูการแถลงข่าวอย่างละเอียด แต่โดยหลักการสภาทนายความมีข้อบังคับอยู่แล้ว ไม่ว่าจะทำหน้าที่ในศาลหรือสถานที่ใด หากพิจารณาแล้วหมิ่นเหม่หรือฝ่าฝืนข้อบังคับ ก็จะสามารถเข้าสู่ขั้นตอนการร้องเป็นคดีมรรยาททนายความได้ 

ซึ่งการตรวจสอบมรรยาททนายความนั้น ไม่ใช่หน้าที่ของนายกสภาทนายความ แต่เป็นอำนาจของประธานคณะกรรมการมรรยาททนายความจะพิจารณา หากเห็นว่าพฤติกรรมของทนายความท่านใดเข้าข่ายผิดข้อบังคับของทนายความ หรือมีผู้ร้องเรียนมรรยาททนายความคนดังกล่าว ก็สามารถตั้งเรื่องตรวจสอบได้ จากนั้นเมื่อคณะกรรมการตรวจสอบแล้วก็จะผลความเห็นกลับมาที่นายกสภาทนายความ ให้พิจารณาถึงบทลงโทษหากพบว่าฝ่าฝืนข้อบังคับทนายต่อไป

ส่วนที่ทนายความของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) จะยื่นฟ้องเอาผิดทนายตั้มนั้น ก็เป็นสิทธิ์ของคู่กรณีที่สามารถกระทำได้ ซึ่งต้องรอผลตัดสินของศาลถึงที่สุด 

อย่างไรก็ตามสภาทนายความมีข้อบังคับข้อหนึ่งว่าหากศาลพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในคดีที่ไม่ใช่ข้อหาประมาท หรือความผิดลหุโทษ และจำเลยเป็นทนายความ ก็จะมีการส่งเรื่องมาที่สภาทนายความเพื่อให้ถอดถอนรายชื่อจากการเป็นทนายความอยู่แล้ว และคู่กรณียังสามารถร้องเรียนต่อสภาทนายความควบคู่กันได้ด้วย

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าสาเหตุที่ทำให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนักข่าวรับเงินจากแหล่งข่าวในคดีแรกล่าช้า ทั้งที่สอบข้อเท็จจริงพยานไปเกือบเสร็จแล้ว เนื่องจากยังรอพยานปากสำคัญอย่าง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เข้าให้ปากคำอยู่ ซึ่งมีรายงานอีกว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เพิ่งจะประสานสภาทนายความมาเมื่อคืนนี้ (27 มี.ค.67) ว่าอาจจะเข้าให้ข้อมูลในสัปดาห์หน้า

ขณะที่ให้หน้าเพจเฟซบุ๊กของทนายตั้ม ยังเปิดเผยข้อมูลว่า อุปนายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ อักษรย่อ ว. ได้รับเงินจากบัญชีม้าส่วยตั้งแต่ปี 2020 เป็นรายเดือน เดือนละ 15,000 บาท / ต่อมาปี 2021-2022 ก็ได้เพิ่มเป็นเดือนละ 30,000-50,000 บาทด้วย

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์