ยกให้เป็นเรื่องเด่นประเด็นร้อนประจำวันกันไปเลย! สำหรับคู่ของ ‘ทนายตั้ม’ และ ‘ชูวิทย์’ ที่วันนี้ทั้งคู่ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อถึง 2 รอบ โดยเนื้อหามีการตอบโต้กันไปมาในหลายประเด็น
หนึ่งในประเด็นที่ ‘ทนายตั้ม’ หรือ ‘ษิทรา เบี้ยบังเกิด’ เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้ชี้แจง คือ เรื่องที่ ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ ได้โพสต์ภาพ ใบเสนอราคาค่าแถลงข่าว 300,000 บาท ที่ระบุชื่อของสำนักงานกฎหมายของษิทรา ว่า ขอยอมรับมีบางเคสที่เขาเรียกเก็บเงินจริง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคดีที่ต้องสู้กับผู้มีอิทธิพล และเห็นว่าลูกความมีกำลังที่จ่าย โดยภาพที่ ‘ชูวิทย์’ นำมาโพสต์ เป็นภาพเมื่อวันที่ 17 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยลูกความที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันได้มาปรึกษาคดี แต่เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับตำรวจใหญ่ เขาจึงต้องเรียกเก็บเงินค่าฟ้องร้องและเก็บเพิ่มอีก 15 % แต่เรื่องนี้ตกลงกันไม่ได้ ผู้เสียหายคนนี้ จึงได้หา ‘ชูวิทย์’ ต่อ และเป็นที่มาของการแฉครั้งนี้ ย้ำว่าเขาไม่เคยรีดไถค่าทำคดีกับลูกความ พร้อมอธิบายเรื่องค่าบริการปรึกษาข้อกฎหมายว่า ปกติหากปรึกษากับทีมงาน เป็นเวลา 20 นาที จะคิดค่าบริการ 1,000 บาท, ปรึกษากับตัวเขาคิด 1,500 บาท แต่หากมาคุยกันแบบตัวต่อตัว ที่สำนักงาน 30 นาที คิดค่าบริการ 3,000 บาท ‘ทนายตั้ม’ ยังยืนยันว่าเงินที่ได้มา มีการเสียภาษีและสามารถตรวจสอบได้
ประเด็นต่อมา คือ เรื่องที่ ‘ทนายตั้ม’ โพสต์ภาพถุงเงินและกล่าวหาว่า ‘ชูวิทย์’ รับเงินมาจากพวกทำธุรกิจสีเทา ‘ทนายตั้ม’ ยืนยันว่าเขาไม่ได้รับเงินใครมาแฉเรื่องนี้ พร้อมลั่นวาจาสาบานว่า หากเขารับเงินจากแก๊งพนันหรือใคร เพื่อมาทำร้าย ‘ชูวิทย์’ ขอให้ตัวเขาเองมีอันเป็นไป และขอให้ธุรกิจล่มสลาย
ส่วนประเด็นที่ ‘ชูวิทย์’ เตรียมฟ้อง ‘ทนายตั้ม’ ในความผิดฐานหมิ่นประมาท โดยจะเรียกค่าเสียหายกรรมละ 100 ล้านบาท ‘ทนายตั้ม’ ยืนยันว่าพร้อมพิสูจน์เรื่องนี้ในขั้นตอนของกฎหมาย แต่ที่ผ่านมาเขาไม่เคยแพ้ใครในคดีหมิ่นประมาท แต่หากคดีนี้เขาแพ้ก็คงต้องฟ้องให้เขาล้มละลาย เพราะไม่มีเงินมากขนาดนั้น พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงโอดครวญว่า “เบาๆ หน่อย ฟ้องสัก 30-40 ล้าน ซึ่งตนก็จะพยายามหาเงินมาให้”
นอกจากนี้ ‘ทนายตั้ม’ ยังบอกว่าเขาไม่ได้มีปัญหาส่วนตัวอะไรกับ ‘ชูวิทย์’ และยังยืนยันคำเดิมว่า ไม่ขอเป็นศัตรูกับ ‘ชูวิทย์’ และไม่กล้าเป็นด้วยเพราะ ‘ชูวิทย์’ เป็นรุ่นเฮฟวีเวท เราเป็นแค่ทนายตัวเล็กๆ จะไปสู้อะไรได้ พร้อมฝากถึง ‘ชูวิทย์’ ว่า อย่าฟ้องผมเลย ถ้าฟ้องเดี๋ยวจะเป็นเรื่องยาว ผมจะเอาเงินมาจ่ายจากไหน ถ้าผมทำอาบอบนวดอาจมีเงินให้ก็ได้ แต่สำนักงานกฎหมายรายได้อย่างเก่งก็ 1-2 ล้าน ค่าใช้จ่ายก็เป็นล้านแล้ว ดังนั้นคงมีเงินไม่พอกับที่ ‘ชูวิทย์’ จะฟ้องเรียกค่าเสียหาย
สำหรับวันพรุ่งนี้ (28 มี.ค.) ‘ทนายตั้ม’ บอกว่าเขาจะนำพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับ ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ที่นำเงินไปให้ ‘ชูวิทย์’ ไปยื่นให้หน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจสอบ รวมถึงเส้นทางการเงินดิจิตอล จำนวน 50 ล้านบาท ก็จะนำไปมอบให้ตำรวจสอบสวนกลาง ตรวจสอบประเด็นนี้ด้วย
ทั้งนี้ระหว่างที่ ‘ทนายตั้ม’ กำลังชี้แจงเรื่องใบเสนอราคาค่าแถลงข่าวจำนวน 300,000 บาท เขาได้เล่าย้อนไปถึงช่วงที่เพิ่งได้เป็นทนายความ และได้ให้คำปรึษาโดยไม่คิดเงิน ก่อนจะมามีชื่อเสียงจากคดีหวย 30 ล้าน และคดีลุงพล ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนทำให้เขาไม่มีงานเลย ถึง 6 เดือน และครอบครัวต้องลำบาก ซึ่งลูกได้ถามเขา คำถามหนึ่ง แต่ยังไม่ทันได้พูดว่าคำถามอะไร ‘ทนายตั้ม’ ก็ได้หยุดชะงักไปก่อน พร้อมกับมีท่าทีน้ำตาซึมเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องไปพูดประเด็นอื่น ไม่ได้พูดต่อว่าลูกได้ถามคำถามอะไรกับเขา
หนึ่งในประเด็นที่ ‘ทนายตั้ม’ หรือ ‘ษิทรา เบี้ยบังเกิด’ เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้ชี้แจง คือ เรื่องที่ ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ ได้โพสต์ภาพ ใบเสนอราคาค่าแถลงข่าว 300,000 บาท ที่ระบุชื่อของสำนักงานกฎหมายของษิทรา ว่า ขอยอมรับมีบางเคสที่เขาเรียกเก็บเงินจริง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคดีที่ต้องสู้กับผู้มีอิทธิพล และเห็นว่าลูกความมีกำลังที่จ่าย โดยภาพที่ ‘ชูวิทย์’ นำมาโพสต์ เป็นภาพเมื่อวันที่ 17 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยลูกความที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันได้มาปรึกษาคดี แต่เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับตำรวจใหญ่ เขาจึงต้องเรียกเก็บเงินค่าฟ้องร้องและเก็บเพิ่มอีก 15 % แต่เรื่องนี้ตกลงกันไม่ได้ ผู้เสียหายคนนี้ จึงได้หา ‘ชูวิทย์’ ต่อ และเป็นที่มาของการแฉครั้งนี้ ย้ำว่าเขาไม่เคยรีดไถค่าทำคดีกับลูกความ พร้อมอธิบายเรื่องค่าบริการปรึกษาข้อกฎหมายว่า ปกติหากปรึกษากับทีมงาน เป็นเวลา 20 นาที จะคิดค่าบริการ 1,000 บาท, ปรึกษากับตัวเขาคิด 1,500 บาท แต่หากมาคุยกันแบบตัวต่อตัว ที่สำนักงาน 30 นาที คิดค่าบริการ 3,000 บาท ‘ทนายตั้ม’ ยังยืนยันว่าเงินที่ได้มา มีการเสียภาษีและสามารถตรวจสอบได้
ประเด็นต่อมา คือ เรื่องที่ ‘ทนายตั้ม’ โพสต์ภาพถุงเงินและกล่าวหาว่า ‘ชูวิทย์’ รับเงินมาจากพวกทำธุรกิจสีเทา ‘ทนายตั้ม’ ยืนยันว่าเขาไม่ได้รับเงินใครมาแฉเรื่องนี้ พร้อมลั่นวาจาสาบานว่า หากเขารับเงินจากแก๊งพนันหรือใคร เพื่อมาทำร้าย ‘ชูวิทย์’ ขอให้ตัวเขาเองมีอันเป็นไป และขอให้ธุรกิจล่มสลาย
ส่วนประเด็นที่ ‘ชูวิทย์’ เตรียมฟ้อง ‘ทนายตั้ม’ ในความผิดฐานหมิ่นประมาท โดยจะเรียกค่าเสียหายกรรมละ 100 ล้านบาท ‘ทนายตั้ม’ ยืนยันว่าพร้อมพิสูจน์เรื่องนี้ในขั้นตอนของกฎหมาย แต่ที่ผ่านมาเขาไม่เคยแพ้ใครในคดีหมิ่นประมาท แต่หากคดีนี้เขาแพ้ก็คงต้องฟ้องให้เขาล้มละลาย เพราะไม่มีเงินมากขนาดนั้น พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงโอดครวญว่า “เบาๆ หน่อย ฟ้องสัก 30-40 ล้าน ซึ่งตนก็จะพยายามหาเงินมาให้”
นอกจากนี้ ‘ทนายตั้ม’ ยังบอกว่าเขาไม่ได้มีปัญหาส่วนตัวอะไรกับ ‘ชูวิทย์’ และยังยืนยันคำเดิมว่า ไม่ขอเป็นศัตรูกับ ‘ชูวิทย์’ และไม่กล้าเป็นด้วยเพราะ ‘ชูวิทย์’ เป็นรุ่นเฮฟวีเวท เราเป็นแค่ทนายตัวเล็กๆ จะไปสู้อะไรได้ พร้อมฝากถึง ‘ชูวิทย์’ ว่า อย่าฟ้องผมเลย ถ้าฟ้องเดี๋ยวจะเป็นเรื่องยาว ผมจะเอาเงินมาจ่ายจากไหน ถ้าผมทำอาบอบนวดอาจมีเงินให้ก็ได้ แต่สำนักงานกฎหมายรายได้อย่างเก่งก็ 1-2 ล้าน ค่าใช้จ่ายก็เป็นล้านแล้ว ดังนั้นคงมีเงินไม่พอกับที่ ‘ชูวิทย์’ จะฟ้องเรียกค่าเสียหาย
สำหรับวันพรุ่งนี้ (28 มี.ค.) ‘ทนายตั้ม’ บอกว่าเขาจะนำพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับ ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ที่นำเงินไปให้ ‘ชูวิทย์’ ไปยื่นให้หน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจสอบ รวมถึงเส้นทางการเงินดิจิตอล จำนวน 50 ล้านบาท ก็จะนำไปมอบให้ตำรวจสอบสวนกลาง ตรวจสอบประเด็นนี้ด้วย
ทั้งนี้ระหว่างที่ ‘ทนายตั้ม’ กำลังชี้แจงเรื่องใบเสนอราคาค่าแถลงข่าวจำนวน 300,000 บาท เขาได้เล่าย้อนไปถึงช่วงที่เพิ่งได้เป็นทนายความ และได้ให้คำปรึษาโดยไม่คิดเงิน ก่อนจะมามีชื่อเสียงจากคดีหวย 30 ล้าน และคดีลุงพล ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนทำให้เขาไม่มีงานเลย ถึง 6 เดือน และครอบครัวต้องลำบาก ซึ่งลูกได้ถามเขา คำถามหนึ่ง แต่ยังไม่ทันได้พูดว่าคำถามอะไร ‘ทนายตั้ม’ ก็ได้หยุดชะงักไปก่อน พร้อมกับมีท่าทีน้ำตาซึมเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องไปพูดประเด็นอื่น ไม่ได้พูดต่อว่าลูกได้ถามคำถามอะไรกับเขา
