แม่ฮ่องสอนหวั่นต่างชาติยึด ‘เมืองปาย’ จี้รัฐงัดกฎหมายคุมเข้ม

7 ก.พ. 2568 - 02:00

  • นักธุรกิจ และประชาชนชาวเมืองปาย จ.แม่ฮ่องสอน ร้องภาครัฐบังคับใช้กฎหมายคุมเข้ม หลังพบปัญหา นทท.ต่างชาติ ส่อละเมิด ทำลายวัฒนธรรม ปักหลักทำธุรกิจผ่านนอมินี เปิดกิจการไม่มีใบอนุญาต

  • สภาวัฒนธรรมฯ ย้ำปัญหาหมักหมมมานาน จี้ฝ่ายความมั่นคงตัดไฟแต่ต้นลม ด้านตำรวจท่องเที่ยวจ่อจัดระเบียบทั้งเมือง ย้ำลงพื้นที่ตรวจสอบไม่พบผิดปกติ

  • ททท.แม่ฮ่องสอน ยอมรับ ‘นทท.แต่งโป๊-สูบกัญชา’ มีจริง พร้อมบูรณาการทุกภาคส่วนสร้างความเข้าใจ

Mae Hong Son-Province-fearing-that-Pai-will-be-seized-by-foreigners-urges-the-government-SPACEBAR-Hero.jpg

ทีมข่าว SpacebarBigCity ได้พูดคุยกับหนึ่งในผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจในอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังจากที่มีตัวแทนภาคนักธุรกิจ และภาคประชาชน ได้เข้าไปร้องขอความเป็นธรรมต่อ พ.ต.อ.สำเร็จ สามสีทอง ผกก.สภ.ปาย และ พ.ต.ท.สุวิทย์ บุญยะเพ็ญ สารวัตรตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน ขอให้ตรวจสอบเอาผิด กรณีชาวต่างชาติลักลอบทำงานอย่างผิดกฎหมาย และทำธุรกิจในพื้นที่อำเภอปาย ในรูปแบบนอมินี ตลอดจนมีการปาร์ตี้ส่งเสียงดังเกินกำหนดเวลา แต่งกายโป๊ รวมไปถึงมีการสูบกัญชาในพื้นที่สาธารณะ ตลอดจนการทำผิดกฎจราจร

“ในฐานะที่ทำธุรกิจในอำเภอปายมานานหลายสิบปี มองว่ากรณีที่มีการร้องเรียนให้ภาครัฐมาจัดการปัญหาที่เกิดจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินั้น คงเป็นเรื่องที่คนไทยในอำเภอปายสุดจะทนกับพฤติกรรมที่ไม่เคารพกฎระเบียบของบ้านเมือง”

“หากอยากรู้ว่าจริงตามที่มีการร้องเรียนหรือไม่ ต้องลองเข้ามาในพื้นที่แล้วจะพบว่าหนักข้อขึ้นทุกวัน สามารถที่จะใช้อำเภอปายทำมาหากินกันอย่างเสรี และลุกลามไปถึงการลงทุนทำธุรกิจที่มีคนไทยเป็นนอมินี รวมถึงการใช้กัญชาอย่างเสรี การจัดปาร์ตี้ตลอดทั้งคืน สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ส่งผลกระทบต่อชาวอำเภอปายมาเป็นเวลานานแล้ว”

 ผู้ประกอบการรายนี้ ยังให้ข้อมูลอีกว่า ต้องยอมรับว่าอำเภอปายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศไทย และแต่ละปีสร้างเม็ดเงินเข้าสู่พื้นที่จำนวนมาก แต่กลุ่มที่หลายฝ่ายกังวล คือ นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล ที่มารวมตัวในพื้นที่จำนวนหลักหมื่นหลักพันคน บางกลุ่มที่มาเป็นครอบครัว พักเพียง 2-3 วัน จะไม่ค่อยมีปัญหา และมีกำลังซื้อสูง 

“แต่กลับพบว่ากลุ่มคนทำงาน กลุ่มวัยรุ่น และทหารที่ปลอดประจำการ เข้ามาสร้างปัญหาให้กับคนในพื้นที่ ทั้งการจัดปาร์ตี้, ฝ่าผืนกฎจราจร บางคนเมื่อถึงวันที่วีซ่าหมดอายุก็ไม่อยากกลับ จึงเป็นที่มาของการแย่งงาน เพราะต้องหารายได้ และลุกลามไปถึงการก่อปัญหาลักเล็กขโมยน้อย และมียาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง ถึงเวลาที่ภาครัฐไม่ควรมองข้าม และต้องใช้ยาแรงได้แล้ว”

Mae Hong Son-Province-fearing-that-Pai-will-be-seized-by-foreigners-urges-the-government-SPACEBAR-Photo04.jpg
Mae Hong Son-Province-fearing-that-Pai-will-be-seized-by-foreigners-urges-the-government-SPACEBAR-Photo05.jpg

ชาวบ้าน ที่อาศัยอยู่อำเภอปายมานานกว่า 30 ปี ให้ข้อมูลเช่นกันว่า คนในพื้นที่เริ่มทนไม่ไหว ไม่ว่าจะเป็นการสูบกัญชาในพื้นที่สาธารณะ การจัดปาร์ตี้ตลอดคืนแล้วส่งเสียงดัง การแต่งกายที่โป๊เดินบนถนนต่างๆ การขับรถอย่างเสรี โดยไม่มีใบขับขี่ และไม่เคารพกฎจราจร จนเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง หรือแม้แต่การนำสินค้ามาขายในชุมชน รวมไปถึงการเข้ามาลักขโมย และร้ายแรงถึงการนำยาเสพติดมาซื้อขาย

“หากภาครัฐบอกว่าไม่พบหลักฐาน อยากให้ทราบว่า ในโลกออนไลน์มีข้อมูลที่ตรวจสอบได้ เพียงแต่จะขยายผล หรือไม่ขยายผลเท่านั้นเอง ปัญหาที่เกิดขึ้น ประชาชนได้มีการส่งเสียงให้ภาครัฐถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ผ่านไป 1เดือนแล้ว แต่ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม ไม่ได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น และตลอดเวลาที่ผ่านมา มักจะมองว่า มันเป็นเรื่องเล็กน้อย โดยมักจะอ้างว่า มีการตรวจสอบมาโดยตลอด ทั้งที่ประชาชนต่างได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ละเมิดสิทธิคนในพื้นที่ จึงมีความเป็นห่วงว่า แม้เศรษฐกิจจะเติบโตจากการท่องเที่ยว แต่หากว่าไม่ลุกขึ้นมาจัดระเบียบ และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น มีโอกาสสูงมากที่อำเภอปายจะถูกทำลายได้”

ด้าน ประเสริฐ ประดิษฐ์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า อำเภอปาย เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และจังหวัดแม่ฮ่องสอน พึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยว กรณีที่มีชาวต่างชาติเข้ามาสร้างปัญหา ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เกิดมานานแล้ว และเป็นการอะลุ้มอะหล่วยมาโดยตลอด เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยว ที่ผ่านมาในเชิงผลกระทบทางวัฒนธรรม อย่างการเล่นห่วงยาง และล่องแพของนักท่องเที่ยวขาวต่างชาติ ได้มีการท้วงติงเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวแต่งกายโป๊มาเดินบนถนนคนเดิน หรือการดื่มแอลกอฮอล์แล้วส่งเสียงดังต่อชุมชน หรือการหลั่งไหลเข้ามาจนมากระทบต่อวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวอำเภอปาย

“ล่าสุด การทะลักเข้ามาของนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลในอำเภอปาย ต้องมอง 2 ประเด็นคือ กลุ่มที่ตั้งใจมาเที่ยวจริงๆ และกลุ่มที่เข้ามาแล้วล่อแหลมต่อความมั่นคง ทั้งด้านความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของคนในพื้นที่ และศาสนาวัฒนธรรม ทางรัฐต้องมีการนำกฎหมายมาควบคุมไม่ให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาละเมิดกฎหมายในประเทศไทย เพราะไม่เช่นนั้นก็จะเกิดการหมักหมมของปัญหา และยากต่อการแก้ไข”

ประเสริฐ ประดิษฐ์

ประธานสภาวัฒนธรรมฯ กล่าวด้วยว่า คณะกรรมการความมั่นคงของจังหวัดแม่ฮ่องสอน จะต้องมีการเกาะติดความเคลื่อนไหวของนักท่องเที่ยวอย่างลึกซึ้ง เพื่อไม่ให้กระทบต่อความมั่นคง ซึ่งตนเองมองว่า ทุกฝ่ายต้องมาจัดการ และรับมือกับการหลั่งไหลของชาวต่างชาติได้อย่างเป็นระบบ

Mae Hong Son-Province-fearing-that-Pai-will-be-seized-by-foreigners-urges-the-government-SPACEBAR-Photo02.jpg
Mae Hong Son-Province-fearing-that-Pai-will-be-seized-by-foreigners-urges-the-government-SPACEBAR-Photo01.jpg

พ.ต.ท.สุวิทย์  บุญยะเพ็ญ สารวัตรสถานีตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า หลังจากรับเรื่องร้องเรียนจากตัวแทนกลุ่มธุรกิจ และประชาชน เกี่ยวกับปัญหานักท่องเที่ยวต่างชาติ ทุกฝ่ายไม่ได้นิ่งนอนใจ ที่ผ่านมาได้มีการลงพื้นที่ตรวจสอบมาโดยตลอด ยังยืนยันว่า ไม่พบนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศแย่งงานคนไทย และพร้อมที่จะรับข้อมูลทางลับจากผู้ที่ได้รับผลกระทบ แต่จนถึงวันนี้ยังไม่มีข้อมูล และหลักฐานใดๆ

“กรณีเรื่องกลิ่นกัญชา และการแต่งกายโป๊ ทางตำรวจท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอน มีทั้งป้ายเตือน และการอธิบายด้วยวาจากับนักท่องเที่ยว รวมถึงการประชุมร่วมกับผู้ประกอบการล่อง แพห่วงยางมาโดยตลอด แต่ก็ยอมรับว่า อาจจะมีเล็ดรอดไปบ้างจากกลุ่มนักท่องเที่ยวบางรายที่ยังแต่งกายไม่เหมาะสม หากสายตรวจพบก็จะตักเตือนและให้แต่งกายอย่างมิดชิดทันที ส่วนกรณีของกลิ่นกัญชานั้น ได้มีการตรวจร้านค้า และกำชับถึงมาตรการควบคุมทางกฎหมายมาโดยตลอด”

พ.ต.ท.สุวิทย์ กล่าวอีกว่า การเข้ามารวมกลุ่มของนักท่องเที่ยวนั้น อยู่ในสายตาของทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ซึ่งอะไรที่ล่อแหลม และเสี่ยงต่อความมั่นคง ไม่สามารถปฏิบัติได้ คาดว่าภายในเร็วๆ นี้ ทุกฝ่ายจะมีการบูรณาการจัดระเบียบอีกครั้ง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน และภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยว 

และจากการตรวจสอบก็ยังไม่พบว่า มีนอมินีในการเข้ามาทำธุรกิจในพื้นที่แต่อย่างใด หากมีข้อมูลทางเจ้าหน้าที่ก็พร้อมจะเข้ามาตรวจสอบ

Mae Hong Son-Province-fearing-that-Pai-will-be-seized-by-foreigners-urges-the-government-SPACEBAR-Photo06.jpg
Mae Hong Son-Province-fearing-that-Pai-will-be-seized-by-foreigners-urges-the-government-SPACEBAR-Photo03.jpg

ขณะที่ ว่าที่ ร.ต.ภาณุวัฒน์ ขัดนาค ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ในปี 2567 มีตัวเลขนักท่องเที่ยวประมาณการเข้ามาในจังหวัดแม่ฮ่องสอนประมาณ 1.4 ล้านคน ในจำนวนนี้ร้อยละ 30 เป็นชาวต่างประเทศ จากข้อมูลของตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดแม่ฮ่องสอน พบว่า กลุ่มที่อยู่ในพื้นที่อำเภอปายมากที่สุด คือนักท่องเที่ยวจากประเทศอังกฤษ รองลงมาคือ อิสราเอล , เนเธอร์แลนด์, เยอรมัน, สหรัฐอเมริกา, ฝรั่งเศส, เกาหลีใต้, ออสเตรเลีย, จีน และแคนนาดา ส่วนรายได้ประมาณการอยู่ที่ 7,500 ล้านบาท ขยายตัวจากปี 2566 มีนักท่องเที่ยว 1.1 ล้านคน และรายได้ 5,800 ล้านบาท

สำหรับบรรยากาศการท่องเที่ยวในอำเภอปาย ทางททท.แม่ฮ่องสอนได้ติดตามข้อมูลมาโดยตลอด เพราะเป็นเมืองที่ท่องเที่ยวตลอดทั้งปี และเป็นเป้าหมายของนักท่องเที่ยววัยทำงานที่เข้ามาเป็นจำนวนมากตลอดทั้งปี ซึ่งที่ผ่านมา ภาครัฐได้ทำงานบูรณาการร่วมกัน ในนามของแม่ฮ่องสอนท่องเที่ยวพลัส

“กรณีที่มีการร้องเรียนในประเด็นต่างๆ นั้น ก็มีการตั้งกลุ่มไลน์เฉพาะกิจ เพื่อรวบรวมข้อมูลมาวิเคราะห์ว่ามีข้อเท็จจริงหรือไม่ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้พบในเชิงประจักษ์ เพราะมั่นใจว่า ภาครัฐทุกฝ่ายทำงานกันอย่างเต็มที่ และแทบจะไม่พบในทางคดีความ ถ้ามีก็น้อยมาก”

“กรณีที่มีการระบุว่า มีนอมินีของชาวต่างชาติในอำเภอปาย เท่าที่ตรวจสอบไม่พบ หรือแม้แต่การแย่งงานของคนไทย ก็ยังไม่พบเช่นกัน จึงอยากให้ทางผู้ประกอบการ หรือประชาชนมาให้เบาะแสกับภาครัฐด้วย ส่วนเรื่องของกลิ่นกัญชาที่เกิดจากการสูบในพื้นที่สาธารณะนั้น หน่วยงานที่รับผิดชอบจะเข้ามาจัดการปัญหาให้อยู่ภายใต้ของกฎหมาย และกรณีที่มีนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลอยู่ในพื้นที่เป็นจำนวนมากนั้น จะไปเหมารวมว่าทุกคนไม่ดี คงไม่ใช่ อยากให้ชาวอำเภอปาย มั่นใจว่าทุกอย่างยังอยู่ในภาวะปกติ”  ผอ.ททท.แม่ฮ่องสอน กล่าว

ผอ.ททท.แม่ฮ่องสอน กล่าวด้วยว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบที่พักในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในปี 2567 มีจำนวน 424 แห่ง 6,259 ห้อง ร้อยละ 50 อยู่ในพื้นที่อำเภอปาย เท่าที่ตรวจสอบยังเป็นกิจการของคนไทยที่เป็นคนในพื้นที่ และต่างพื้นที่ ดังนั้น จึงได้มีการส่งทีมงานลงพื้นที่พบกับผู้ประกอบการในภาคธุรกิจต่างๆ เพื่อรับทราบปัญหา รวมถึงจะต้องมีการผลิตสื่อออกให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาในพื้นที่ได้รับทราบว่าสิ่งไหนที่ทำได้ และทำไม่ได้ ทั้งการแต่งกายไม่สุภาพ การส่งเสียงรำคาญต่อชุมชน การใช้ยานพาหนะ และสถานบริการจะไม่เปิดเกินเวลา 24.00 น.

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์