อุดม สุขสด ผู้ประกอบการค้าวัสดุก่อสร้าง ที่ท่าข้าม 34 อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับผลกระทบจากกรณีที่ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ด้านเมียนมา จังหวัดตาก ออกคำสั่งให้ท่าข้ามทั้ง 59 แห่ง ห้ามมิให้บุคคล และยานพาหนะข้าม ไป-มากับสินค้าโดยเด็ดขาด ยกเว้นบริเวณช่องทางข้ามสะพานมิตรภาพ ไทย-เมียนมา
อุดม กล่าวว่า เนื่องจากสินค้าวัสดุก่อสร้างมีขนาดใหญ่ไม่สามารถขนถ่ายลงเรือบรรทุกสินค้าได้ ส่งผลให้เสียโอกาสทางการค้าหายไปกว่าร้อยละ 95 แม้ว่าจะมีการนำเครนขนาดใหญ่มายกสินค้าขึ้นเรือโป๊ะลำเลียงสินค้าข้ามแม่น้ำเมยไปยังฝั่งเมียนมา แต่ก็ใช้เวลานานมากกว่าปกติ เพราะต้องขนสินค้าข้ามฝั่ง ก่อนถ่ายสินค้าขึ้นรถบรรทุก และนำไปส่งให้กับลูกค้า
“แม้ว่าเราจะใช้เครนเข้ามายกสินค้าขึ้นเรือโป๊ะ แต่ก็ไม่สามารถทำเวลาได้ ทำให้สินค้า ที่รอคิวส่งมอบให้กับลูกค้าไม่เป็นไปตามกำหนด และมีผลต่อการบริหารจัดการในการขนส่งปั่นป่วนไปทั้งระบบ และต้องประสบกับปัญหาต้นทุนเพิ่มขึ้นจากการจ้างค่าแรงงาน และค่าขนส่งซ้ำซ้อน” อุดม กล่าว
อุดม กล่าวต่อว่า นับตั้งแต่เริ่มมาตรการ 3 ตัด ตัดไฟฟ้า-สัญญาณอินเทอร์เน็ต-น้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา ก็ทำให้บรรยากาศการค้าชายแดนไม่อยู่ในสภาวะปกติ และสูญเสียโอกาสทางการค้าชายแดนเป็นอย่างมาก และที่เห็นชัดเจนคือ สินค้าผ่านแดนผ่านอำเภอแม่สอดกลับขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
“ปัจจุบันนี้เมียนมา สั่งสินค้าจากจีนผ่านแดนมาเป็นตู้คอนเทรนเนอร์ ทั้งสินค้าอุปโภค และบริโภค แทบจะไม่สั่งสินค้าไทยกันแล้ว และไทยไม่ได้ประโยชน์จากการค้าผ่านแดน หากว่าเรายังไม่สร้างความเชื่อมั่นทางการค้า และยึดตลาดเมียนมาไว้ให้ได้ โอกาสที่ต่อไปจีนจะครองตลาดมีความเป็นไปได้สูง อำเภอแม่สอดก็เป็นแค่ทางผ่านเท่านั้น”
“ไม่ใช่ว่าเราไม่ห่วงความมั่นคงของประเทศ แต่ภาครัฐต้องเข้าใจธรรมชาติของการค้าชายแดนด้วย เราส่งออกไป นำเงินกลับเข้าประเทศจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะอำเภอแม่สอดเคยมีมูลค่าการค้าชายแดนไทย-เมียนมา สูงกว่าแสนล้านบาท เป็นโจทก์ใหญ่ที่ต้องพิจารณา และทบทวนอย่างรอบครอบ” อุดม กล่าว
ด้านบรรพต ก่อเกียรติเจริญ ที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดตาก กล่าวว่า ภาคเอกชนชายแดนเห็นด้วยที่ทางการไทยจะปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยอยากจะเสนอให้มีการดำเนินการอย่างเบ็ดเสร็จโดยเร็ว เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อการค้าไทย-เมียนมา เพราะขณะนี้นอกจากจะเจอกับปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์แล้ว ในฝั่งของเมียนมา ก็มีการสู้รบตามแนวชายแดนเช่นกัน
บรรพต กล่าวต่อว่า จากการเข้าร่วมประชุมกับทางคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ปชด.) ที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก พบว่า มาตรการ 3 ตัดที่ดำเนินการมาเกือบ 2 เดือน ได้ส่งกระทบกับประชาชนชาวเมียนมาโดยตรง แต่ก็ไม่ได้ทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์หายไป 100%
“สิ่งที่น่าห่วงในระยะต่อไปคือ ไทยจะสูญเสียโอกาสทางการค้าชายแดน เพราะเมื่อเราห้ามส่งออกสินค้าต้องห้าม แต่กลับอนุญาตให้มีสินค้าผ่านแดนจากจีนทะลักเข้ามาในเมียนมาเป็นจำนวนมาก หากปล่อยไปเช่นนี้ ต่อไปการค้าชายแดนระหว่างไทย-เมียนมา จะไปในทิศทางไหน และเปิดช่องโหว่ในการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์อีกด้วย”
ขณะที่ เฉลิมวัฒน์ ตรีรัตน์วัฒนารองประธานหอการค้าจังหวัดตาก กล่าวว่า ตอนนี้การค้าชายแดนแม่สอด เจอปัญหาหนักที่สุด เพราะเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ ทั้งการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการสู้รบในฝั่งเมียนมา แม้ว่าจะมีการส่งออกนำเข้าสินค้าได้ตามปกติ แต่ขั้นตอนยากขึ้น ทำให้สินค้าไทยที่เข้าสู่เมียนมามีต้นทุนสูงขึ้น
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากรัฐบาลไทยได้มีนโยบายใช้มาตรการ 3 ตัด คือ ตัดไฟ ตัดอินเตอร์เน็ท และตัดน้ำมันเชื้อเพลิง ตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 ข้อมูลจากด่านศุลกากรแม่สอด จังหวัดตาก รายงานว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 มีมูลค่าการส่งออก 5,657 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันของปี 2567 ร้อยละ 20 ส่วนมูลค่าการนำเข้า 1,804 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปี 2567 ร้อยละ 85
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ในพื้นที่ 5 อำเภอชายแดนของจังหวัดตาก คือ อำเภอแม่สอด, อำเภอแม่ระมาด, อำเภอพบพระ, อำเภอท่าสองยาง และอำเภออุ้มผาง มีการวางกำลังคุมเข้มการทะลักเข้ามาของยาเสพติด หลังจากที่มีการตรวจจับยาเสพติดในรถตู้คอนเทรนเนอร์ข้ามจากฝั่งเมียนมา มีมูลค่าหลักพันล้านบาท และยังตรวจจับสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดที่เตรียมส่งออกไปยังเมียนมา จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้มีการคุมเข้มการส่งออก-นำเข้าสินค้าผ่านท่าข้ามทั้ง 59 แห่ง
แก๊งคอลฯ ยังปราบไม่สิ้น! ในฝั่งเมียนมายังมีอยู่
ขณะเดียวกันมีรายงานยังมีความเคลื่อนไหวของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2568 ทหารหน่วยเฉพาะกิจราชมนู (ฉก.ราชมนู) ร่วมกับตำรวจและเจ้าหน้าที่ปกครอง จับหนุ่มชาวจีนที่ด่านฯ พระวอ ขณะขนอุปกรณ์รับสัญญาณ Star Link เต็มกระบะเข้าแม่สอด คาดว่าเตรียมนำส่งข้ามแดนให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์
พ.อ.ณัฐกร เรือนติ๊บ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจราชมนู (ฉก.ราชมนู) อ.แม่สอด จ.ตาก กล่าวว่า การจับกุมผู้ต้องหาชาวจีน 1 คน พร้อมของกลางจานดาวเทียม Starlink 110 ชุด และส่วนขยายสัญญาณ 20 ชุด ดังกล่าว บ่งบอกชัดเจนว่าอุปกรณ์ทั้งหมดจะถูกนำส่งไปที่ จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นพื้นที่ชาวจีน และเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ออนไลน์
“การจับกุมจานรับดาวเทียม พร้อมด้วยอุปกรณ์จำนวนมากบ่งบอกว่ายังมีกลุ่มจีนเทาในอยู่ฝั่งเมียนมา แต่การแก้ไขปัญหาของราชการด้วยมาตรการต่างๆ ที่ผ่านมาก็ได้ผลในระดับหนึ่ง เช่น มาตรการตัดไฟและงดส่งน้ำมันเชื้อเพลิง เข้มข้นด้วยการเข้า-ออกของคนต่างชาติตามแนวชายแดน”
