



พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เป็นประธานการประชุมแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างสถาบันการศึกษา ร่วมกับศูนย์ความปลอดภัยการอาชีวศึกษา ผู้อำนวยการสถานศึกษาอาชีวะที่เป็นคู่กรณีความขัดแย้ง และผู้กำกับจาก 13 สถานีตำรวจนครบาล ในพื้นที่เสี่ยงเกิดเหตุความรุนแรงจากกลุ่มเด็กอาชีวะที่ วิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี โดยการประชุมครั้งนี้มีการนำแนวคิด ‘มีนบุรีโมเดล’ เข้ามาปรับใช้ขยายผล พัฒนาเป็นแผนป้องกันในพื้นที่เสี่ยงในจุดต่างๆ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ช่วยกันขับเคลื่อน ‘มีนบุรีโมเดล’ ให้ได้ผล
สำหรับแผนป้องกัน ‘มีนบุรีโมเดล’ เกิดขึ้นหลังมีสถาบันเด็กช่างกลตีกันมา 20 กว่าปีก่อน โดยมี พ.ต.อ.โฆษิต บุญทวี รองผู้บังคับการตำรวจนครบาลภาค 3 (ผบก.น.3) ที่เป็นคีย์แมนหลักดูแลงานป้องกันการทะเลาะวิวาทของเด็กในสถานศึกษา ลงพื้นที่ไปพูดคุยทำความเข้าใจกับผู้บริหารสถาบันการศึกษา ดึงนักศึกษามาเป็นจิตอาสาช่วยงานชุมชน ให้นักศึกษาช่วยซ่อมอุปกรณ์เครื่องใช้ที่เสีย เช่น จักรยาน แอร์ และประสานสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาให้ตรวจสอบว่าถ้าสถาบันไหนไม่มีคุณภาพ ไม่คัดเด็กเข้ามาเรียน ปล่อยให้เกิดปัญหาทะเลาะวิวาท ให้เพิกถอนใบอนุญาต รวมทั้งมีกิจกรรมตำรวจชุมชนสัมพันธ์ร่วมกับนักศึกษาช่าง ปรากฏว่าปัญหาทะเลาะวิวาทระหว่างสถาบันลดลง
ส่วนกรณีที่เกิดเหตุตีกันให้ใช้นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ร่วมด้วย อย่ามองเป็นผู้ต้องหาอย่างเดียว เพราะเด็กที่ก่อเรื่องส่วนใหญ่จะมาจากครอบครัวแตกแยก พร้อมทั้งสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ ที่เมื่อเด็กก่อเหตุผู้ปกครองต้องร่วมรับผิดชอบ จัดทำข้อมูลคนที่เป็นหัวโจก ขึ้นบัญชีเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เฝ้าระวังโซเชียล ป้องปราม ยั่วยุ นัดรวมตัวทะเลาะวิวาท ตั้งด่านสกัดกวดขันวินัยจราจร ขึ้นทะเบียนข้อมูลรถทุกคัน ซึ่งหลังนำมาตรการเหล่านี้มาใช้ตั้งแต่หลายปีก่อน ก็ทำให้การก่อเหตุทะเลาะวิวาทระหว่างสถาบันลดน้อยลง จนแทบไม่มี เหลือเพียงการก่อเหตุแบบบังเอิญเจอกันบนถนนเท่านั้น