ศักดา ศรีนิเวศน์ นักวิชาการอิสระด้านการเกษตร โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก หัวข้อ มาทำความรู้จักกับสารเมทิลโบรไมด์ ที่ใช้รมข้าวสารกันหน่อย มีเนื้อหาดังนี้
โบรโมมีเทน (Bromomethane) หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ เมทิลโบรไมด์ (methyl bromide) เป็นสารประกอบออร์กาโนโบรมีน (organobromine) ที่มีสูตรCH₃Br ก๊าซไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และไม่ติดไฟนี้ ผลิตขึ้นทั้งทางอุตสาหกรรมและทางชีวภาพ เป็นสารเคมีที่ได้รับการยอมรับว่าทำลายชั้นโอโซน : วิกิพีเดีย
เมทิลโบรไมด์มีลักษณะเฉพาะอย่างไร?
เมทิลโบรไมด์เป็นก๊าซที่ไม่มีกลิ่นและไม่มีสี เป็นของเหลวที่อุณหภูมิต่ำกว่า 3.5 องศาเซลเซียส มันหนักกว่าอากาศถึง 3 เท่า เมทิลโบรไมด์จะสลายตัวค่อนข้างเร็วโดยมีครึ่งชีวิตประมาณ 7 เดือน (ครึ่งชีวิต 7 เดือนหมายความว่าครึ่งหนึ่งของปริมาตรของสารเคมีจะสลายตัวไปครึ่งหนึ่งของปริมาณเริ่มต้นที่ใช้ในช่วงเวลานั้น เช่นสมมุติว่าเราใช้สาร 200 มิลลิกรัม ภายใน 7 เดือนสารจะลดลงครึ่งหนึ่งเหลือ 100 มิลลิกรัม และอีก 7 เดือนจะลดลงเหลือ 50 มิลลิกรัม ไม่แน่ใจว่าการรมควันเดือนละครั้งถึง 10 ปี จะมีสารเมทิลโบรไมด์ตกค้างในข้าวสักเท่าใด เพราะยังไม่เคยมีงานศึกษาการรมควันแบบมหากาพย์เช่นนี้มาก่อน / ผู้เขียน) เมทิลโบรไมด์อาจรวมตัวกันในบริเวณที่มีการระบายอากาศไม่ดีและอยู่ต่ำ
เมทิลโบรไมด์มีความเป็นพิษสูง (เมื่อสูดดมเข้าไป) การศึกษาในมนุษย์ระบุว่าปอดอาจได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูดดมเมทิลโบรไมด์แบบเฉียบพลัน (ระยะสั้น) การสูดดมเมทิลโบรไมด์แบบเฉียบพลันและเรื้อรัง (ระยะยาว) อาจส่งผลเสียต่อระบบประสาทในมนุษย์ มีรายงานผลกระทบทางระบบประสาทในสัตว์ด้วย การหายใจเมทิลโบรไมด์อาจทำให้ปอดระคายเคือง ทำให้เกิดอาการไอและ/หรือหายใจลำบาก การได้รับสารในปริมาณมากอาจทำให้เกิดการสะสมของของเหลวในปอด (ปอดบวม) ซึ่งเป็นเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ และมีอาการหายใจลำบากอย่างรุนแรง เมทิลโบรไมด์อาจทำลายไตและส่งผลต่อตับ
มีการผลิตและใช้เมทิลโบรไมด์มากน้อยเพียงใดในโลก
จากข้อมูลปี 2558 การผลิตเมทิลโบรไมด์ทั้งหมดสำหรับการใช้งานกักกันและสุขอนามัยพืช (QPS) อยู่ที่ 8,450 ตัน โดย 47 ประเทศใช้ 6,546 ตันในปี 2558 เมทิลโบรไมด์ ผลิตใน 5 ประเทศเพื่อใช้ในระดับสากลในฐานะรมยา
เมทิลโบรไมด์ สลายตัวในสิ่งแวดล้อม โดยแสงแดด ปฏิกิริยาเคมีในอากาศ น้ำ และโดยจุลินทรีย์ เมทิลโบรไมด์มีครึ่งชีวิตประมาณ 7 เดือน เมทิลโบรไมด์จะไม่ปนเปื้อนกับน้ำใต้ดิน การปนเปื้อนของน้ำใต้ดินไม่น่าจะเกิดจากการรมควันภายใต้ผ้าใบกันน้ำ เนื่องจากเมทิลโบรไมด์จะเข้าสู่อากาศได้ง่ายที่สุด เมื่อระบายออกหลังจากการรมควัน
นอกจากนี้ยังมีสารเคมีอีกตัวหนึ่งที่นิยมใช้ในการรมควันข้าว คือ ฟอสฟิน (phosphine) เป็นสารประกอบไม่มีสี ติดไฟได้ และมีพิษสูง มีสูตรทางเคมี PH₃ ซึ่งจัดอยู่ในประเภทไนโตรเจนไฮไดรด์ ฟอสฟีนบริสุทธิ์ไม่มีกลิ่น ใช้ในการรมควันข้าวเพื่อควบคุมศัตรูพืชในทุกช่วงชีวิตและป้องกันการต้านทานแมลง ความเข้มข้นของก๊าซฟอสฟีนจำเป็นต้องสูงถึง 300 ส่วนในล้านส่วน (ppm) เป็นเวลา 7 วัน (เมื่อเมล็ดพืชมีอุณหภูมิสูงกว่า 25°)