‘ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล’ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ‘พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง’ ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคประชาชาติ ได้นำคำร้องที่มี ส.ส. จำนวน 1 ใน 10 ของ ส.ส. ทั้งหมด ได้ร่วมกันเข้าชื่อ มายื่นเรื่องให้ ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยพฤติกรรมของ ‘ศักดิ์สยาม ชิดชอบ’ ว่าเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 144 ที่ห้าม ส.ส. ส.ว.หรือ กรรมาธิการ กระทำการใดๆ ที่ทำให้ตนเองได้ผลประโยชน์จากงบประมาณทั้งทางตรงหรือทางอ้อมหรือไม่ โดยขอให้ศาลฯ พิจารณาคำร้องภายใน 15 วัน หลังก่อนหน้านี้ ‘ศักดิ์สยาม’ ถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลฯ จะมีคำวินิจฉัน กรณียังคงเป็นผู้ถือหุ้น และเจ้าของ หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ไปแล้ว
โดย ‘ปกรณ์วุฒิ’ ชี้ให้เห็นว่าเมื่อ ‘ศักดิ์สยาม’ ยังคงเป็นเจ้าของธุรกิจที่รับสัมปทานจากกระทรวงคมนาคมโดยตรง ถือว่ามีความผิดชัดเจน จึงนำมาสู่การยื่นคำร้องในวันนี้ พร้อมขอให้ประชาชนจับตาผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ว่าจะมีความเห็นเรื่องคุณสมบัติรัฐมนตรีของ ‘ศักดิ์สยาม’ กรณียังคงเป็นผู้ถือหุ้น และเจ้าของ หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น อย่างไร เพราะหากศาลพิจารณาว่า ‘ศักดิ์สยาม’ ขาดคุณสมบัติจะส่งผลให้ไม่สามารถเป็นรัฐมนตรีได้ เป็นเวลา 2 ปี นับจากศาลฯ มีคำวินิจฉัย
ส่วนประเด็นที่ ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ เตรียมยืนเรื่องให้ กกต. พิจารณายุบพรรคภูมิใจไทย โดยกล่าวหาว่า ‘ศักดิ์สยาม’ มีการตั้งนอมินีขึ้นมา เพื่อรับงานก่อสร้างจากกระทรวงคมนามคม อีกทั้งยังพบว่าตัวแทนที่เป็นนอมินีของ ‘ศักดิ์สยาม’ ยังนำเงินส่วนต่างที่ได้จากโครงการก่อสร้าง มาบริจาคเข้าพรรคภูมิใจไทยอีกด้วย เรื่องนี้ ‘ปกรณ์วุฒิ’ ย้ำว่าพรรคก้าวไกลและพรรคประชาชาติ ไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรคการเมืองด้วยกฎหมายแบบนี้ โดยมองว่าการยุบพรรคการเมืองควรเกิดขึ้นเพียงวิธีเดียว คือ ประชาชนไม่เลือกพรรคการเมืองนั้น ไม่ใช่ให้ใครมาบอกว่าพรรคการเมืองนี้ไม่ควรอยู่ในสังคมไทย ควรให้ประชาชน เป็นผู้ตัดสินเอง แต่เห็นด้วยกับการที่ ‘ชูวิทย์’ ออกมาเคลื่อนไหวให้ตรวจสอบในประเด็นต่างๆ เพราะมองว่าเป็นการกระตุ้นให้สังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกิดการตื่นตัว
ด้าน ‘พ.ต.อ.ทวี’ อธิบายเพิ่มเติมว่าสำหรับสองประเด็นหลัก ที่ขอให้ศาลฯ พิจารณา คือ ขอให้พิจารณาว่า ‘ศักดิ์สยาม’ ได้ใช้ความเป็นรัฐมนตรี และความเป็นกรรมาธิการ ในการให้ได้มาซึ่งงบประมาณ จำนวน 300 กว่าสัญญา รวมเป็นเงินกว่า 4,000 ล้านบาท ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ เรียกเงิน จำนวน 4,000 ล้านบาทคืน พร้อมดอกเบี้ย
การเป็น ส.ส. และกรรมาธิการของ ศักดิ์สยาม มีส่วนทำให้ได้ไป ซึ่งงบประมาณในปี 2564 และได้นำเงินไปใช้ถึง 372 สัญญานี้ขัดต่อมาตรา 144 รัฐธรรมนูญปราบโกงหรือไม่ ประการที่สอง คือ ให้ศาลรัฐธรรมนูญเรียกเงินคืน 4,000 กว่าล้านภายใน 20 ปี พร้อมดอกเบี้ย
โดย ‘ปกรณ์วุฒิ’ ชี้ให้เห็นว่าเมื่อ ‘ศักดิ์สยาม’ ยังคงเป็นเจ้าของธุรกิจที่รับสัมปทานจากกระทรวงคมนาคมโดยตรง ถือว่ามีความผิดชัดเจน จึงนำมาสู่การยื่นคำร้องในวันนี้ พร้อมขอให้ประชาชนจับตาผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ว่าจะมีความเห็นเรื่องคุณสมบัติรัฐมนตรีของ ‘ศักดิ์สยาม’ กรณียังคงเป็นผู้ถือหุ้น และเจ้าของ หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น อย่างไร เพราะหากศาลพิจารณาว่า ‘ศักดิ์สยาม’ ขาดคุณสมบัติจะส่งผลให้ไม่สามารถเป็นรัฐมนตรีได้ เป็นเวลา 2 ปี นับจากศาลฯ มีคำวินิจฉัย
ส่วนประเด็นที่ ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ เตรียมยืนเรื่องให้ กกต. พิจารณายุบพรรคภูมิใจไทย โดยกล่าวหาว่า ‘ศักดิ์สยาม’ มีการตั้งนอมินีขึ้นมา เพื่อรับงานก่อสร้างจากกระทรวงคมนามคม อีกทั้งยังพบว่าตัวแทนที่เป็นนอมินีของ ‘ศักดิ์สยาม’ ยังนำเงินส่วนต่างที่ได้จากโครงการก่อสร้าง มาบริจาคเข้าพรรคภูมิใจไทยอีกด้วย เรื่องนี้ ‘ปกรณ์วุฒิ’ ย้ำว่าพรรคก้าวไกลและพรรคประชาชาติ ไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรคการเมืองด้วยกฎหมายแบบนี้ โดยมองว่าการยุบพรรคการเมืองควรเกิดขึ้นเพียงวิธีเดียว คือ ประชาชนไม่เลือกพรรคการเมืองนั้น ไม่ใช่ให้ใครมาบอกว่าพรรคการเมืองนี้ไม่ควรอยู่ในสังคมไทย ควรให้ประชาชน เป็นผู้ตัดสินเอง แต่เห็นด้วยกับการที่ ‘ชูวิทย์’ ออกมาเคลื่อนไหวให้ตรวจสอบในประเด็นต่างๆ เพราะมองว่าเป็นการกระตุ้นให้สังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกิดการตื่นตัว
ด้าน ‘พ.ต.อ.ทวี’ อธิบายเพิ่มเติมว่าสำหรับสองประเด็นหลัก ที่ขอให้ศาลฯ พิจารณา คือ ขอให้พิจารณาว่า ‘ศักดิ์สยาม’ ได้ใช้ความเป็นรัฐมนตรี และความเป็นกรรมาธิการ ในการให้ได้มาซึ่งงบประมาณ จำนวน 300 กว่าสัญญา รวมเป็นเงินกว่า 4,000 ล้านบาท ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ เรียกเงิน จำนวน 4,000 ล้านบาทคืน พร้อมดอกเบี้ย
การเป็น ส.ส. และกรรมาธิการของ ศักดิ์สยาม มีส่วนทำให้ได้ไป ซึ่งงบประมาณในปี 2564 และได้นำเงินไปใช้ถึง 372 สัญญานี้ขัดต่อมาตรา 144 รัฐธรรมนูญปราบโกงหรือไม่ ประการที่สอง คือ ให้ศาลรัฐธรรมนูญเรียกเงินคืน 4,000 กว่าล้านภายใน 20 ปี พร้อมดอกเบี้ย
